บริษัทรับทำ
Data Driven Marketing

เป็นการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามข้อมูลที่สร้างขึ้น ใน Data Driven Marketing เน้นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ฐานข้อมูลลูกค้า, เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย เป็นต้น และนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการ ตัดสินใจทางการตลาดเชิงกลยุทธ์

Data Driven Marketing from Website

ข้อมูลจากเว็บไซต์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงในการทำ Data Driven Marketing ซึ่งเป็นกระบวนการการตลาดที่ใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐานในการ วิเคราะห์และการตัดสินใจทางการตลาด ทำให้คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ การตลาดและเพิ่มผลตอบแทนให้กับกิจการของคุณได้

การจัดแบ่งประเภทข้อมูล

การจัดแบ่งประเภทข้อมูลใน Data Driven Marketing เป็นลักษณะของ ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์และการตัดสินใจทางการตลาด เช่น ข้อมูลเกี่ยว กับลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการ กระทำของผู้ใช้ ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อและการชำระเงินของลูกค้าและข้อมูล ที่ได้มาจากแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์

Result for Marketing

การทำ Data Driven Marketing มีผลลัพธ์ที่สำคัญต่อกิจการไม่ว่าจะ เป็นการปรับแก้แผนการตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มความ พึงพอใจของลูกค้าเพื่อให้ผลลัพธ์การตลาดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ลูกค้าที่วางใจทำ Data Driven Marketing กับเรา

บริการรับทำData Driven Marketing  เหมาะกับธุรกิจกลุ่มใด

บริการรับทำ Data Driven Marketing  เหมาะกับธุรกิจกลุ่มที่ต้องการนำข้อมูลและ การวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดีกว่าและสร้างความเชื่อ มั่นให้กับกลุ่มเป้าหมาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตลาดและเติบโตในตลาดอย่างยั่งยืน

สิ่งที่จะได้รับกับบริการ รับทำ Data Driven Marketing

ให้คุณมียอดขายตั้งแต่
3 เดือนแรกที่เริ่มทำ SEO

เว็บไซต์ระบบ Funnel ที่จะช่วยให้คุณ ยิงโฆษณาหวังผลได้ง่ายขึ้น

สอนทีมงานของคุณให้ดูแลเว็บไซต์ เมื่อติดอันดับคีย์เวิร์ด

ตัวอย่างผลงาน รับทำ SEO Funnel

เราออกแบบทุกแผนจากมืออาชีพนักการตลาด รุ่นใหม่ที่มากประสบการณ์

เหตุผลที่ต้องใช้บริการรับทำData Driven Marketing เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้อย่างไร

ทำ SEO ทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น

การทำ SEO คือการหาลูกค้าจาก การค้นหาผ่านกูเกิ้ล ดังนั้นการเพิ่ม ลูกค้าให้ได้ประสิทธิภาพทั้งปริมาณและคุณภาพ เราต้องเลือกคีย์เวิร์ด ที่มั่นใจได้ว่าจะได้ยอดขายทั้ง ทางตรงและทางอ้อม

สร้างยอดขายได้สูงขึ้น เมื่อทำ SEO

มีเพียงบริษัทรายใหญ่และคน ส่วนน้อยที่จะรู้ว่าหากอยากได้ ยอดขาย 2-3 เท่าจากการยิงแอด การหาลูกค้าจากฝั่ง Organic เป็นสิ่งที่สร้างยอดขายได้ และยิ่ง คุณยิงโฆษณาจากคนที่มาจาก SEO อีกที คุณจะได้ยอดขายที่ สูงขึ้นไปอีก

ได้ยอดขาย แบบไม่ต้องพึ่งยิงโฆษณา

สัดส่วนจากลูกค้าที่ผมดูแล พบว่า ลูกค้าจากฝั่ง SEO มีสัดส่วนถึง 46-67% ขึ้นอยู่กับแต่ละ อุตสาหกรรม แต่ถึงแม้ว่าจะยังมี สัดส่วนนึงคือการยิงโฆษณา แต่ ส่วนหนึ่งคือการยิงลูกค้าที่มาเข้า เว็บไซต์จาก SEO

การทำ SEO คือการทำธุรกิจ แผนระยะยาว

ผมจะบอกกับผู้ประกอบการเสมอว่า การยิงแอดโฆษณาคือแผนระยะสั้น ส่วนการได้ลูกค้าแบบ Organic คือแผนระยะยาว เพราะในวันที่ โฆษณาแพงขึ้น หรือมีปัญหา บริษัทของคุณจะได้รับผลกระทบ น้อยที่สุด

ขั้นตอนการดูแล SEO ฉบับ Funnel

นัดหมายพูดคุย วิเคราะห์ธุรกิจ

วางแผนพูดคุยในมุมธุรกิจ ก่อนเริ่มต้นทำ คลิก ปรึกษา SEO ให้กับธุรกิจ เพื่อนัดหมายเวลาพูดคุยกับผมโดยตรง

ประมวล Keyword

จัดทำแผนคีย์เวิร์ดที่จะใช้ เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าจากทุกระดับของ Funnel คุณจะเห็นภาพรวมก่อนทำ SEO ว่า Goal ที่คุณควรจะได้รับคืออะไร

วาง Site Sturcture

ตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บเก่าหรือใหม่ เพราะ Site Structure ที่ถูกต้องทำให้เรามั่นใจว่าเว็บไซต์จะติดได้ 100%

seo On-Page

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Content และการจัดการเนื้อหาทั้งหมด เพื่อให้ได้ E-A-T Factor เราให้ความสำคัญกับ On-page 80% สำหรับบางธุรกิจแค่ Onpage แข็งแรงก็ติด หน้า 1 ได้

Off-Page และ Backlink

สำหรับธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การทำ Off-page คือสิ่งที่ยังมีความจำเป็นในปัจจุบัน ดังนั้นเราจะให้ความสำคัญที่ 20% เพื่อดันอันดับสำหรับคีย์ที่แข่งขันสูง

** SEO คือสิ่งที่ไม่สามารถถูกเร่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นอย่าเชื่อในบางเจ้าที่บอกคุณว่าจะทำให้ได้ใน 3 เดือนครับ (ยกเว้นกรณีไม่มีคู่แข่งเลย)

คำถามที่พบบ่อย

Data Driven Marketing (การตลาดที่ใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐาน) คือการใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมการตลาดและการเชื่อมต่อกับลูกค้าเพื่อตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด วิธีการนี้ใช้ข้อมูลและวิเคราะห์ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของลูกค้า และใช้ข้อมูลนั้นในการวางแผนกลยุทธ์การตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเสนอสินค้าหรือบริการ การตลาดที่ใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐานช่วยให้การตัดสินใจทางการตลาดมีความมั่นคงและมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้นด้วยการใช้ข้อมูลที่สะท้อนความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าอย่างถูกต้อง และการตอบสนองต่อตัวลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  1. เพิ่มประสิทธิภาพ: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกิจกรรมการตลาดของคุณโดยใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐานในการวางแผนและการตัดสินใจทางการตลาด

  2. เข้าใจลูกค้า: ช่วยให้คุณทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าของคุณอย่างละเอียดเพื่อปรับแผนการตลาดให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า

  3. ทำความเข้าใจตลาด: ช่วยให้คุณทราบเกี่ยวกับแนวโน้มและพฤติกรรมของตลาด เพื่อสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับสภาพการแข่งขันและความต้องการของตลาด

  4. การตัดสินใจที่มั่นคง: ช่วยให้คุณตัดสินใจทางการตลาดที่มีเหตุผลและเชื่อถือได้โดยใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้เป็นพื้นฐาน

  5. ปรับแผนและประสบความสำเร็จ: ช่วยให้คุณสามารถปรับแผนการตลาดของคุณตามผลการวิเคราะห์และข้อมูลที่เกิดขึ้น และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการตลาด

  1. AI และ Machine Learning: การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และการเรียนรู้ของ Machine Learning เป็นเทรนด์ที่ก้าวไปใน Data Driven Marketing โดยใช้ระบบอัลกอริทึมเพื่อวิเคราะห์และทำนายพฤติกรรมลูกค้า และสร้างแคมเปญตลาดที่ปรับตัวเองได้ตามข้อมูลที่มีอยู่

  2. การรวมข้อมูลทุกแห่ง (Data Integration): เทรนด์ที่สำคัญคือการรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ฐานข้อมูลลูกค้า แพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ และตลาดอื่นๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครบถ้วนเกี่ยวกับลูกค้าและการทำธุรกิจ

  3. Personalization: การปรับแต่งสื่อการตลาดให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยใช้ข้อมูลที่เรามีอยู่เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ส่งเสริมความสัมพันธ์และความสนใจของลูกค้า

  4. Automation: กิจกรรมต่างๆ ในการตลาด เช่น ส่งอีเมลตามตารางเวลาที่กำหนด ติดตามผลการตลาดอัตโนมัติ หรือการสร้างรายงานอัตโนมัติ เพื่อลดภาระงานและเพิ่มประสิทธิภาพ

  • การตัดสินใจที่มั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
  • การวางแผนและเน้นกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การปรับแก้แผนการตลาดให้เหมาะสมและลดความสูญเสียในการลงทุน
  • สามารถสร้างนวัตกรรมและเข้าสู่ตลาดใหม่ได้อย่างมั่นคง
  • ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมตลาด
  • ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วตามสภาพการณ์ตลาดและความต้องการของลูกค้า
  • เพิ่มความไวต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดและความต้องการของลูกค้า
  • สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ก้าวหน้าและมีคุณภาพ
  • ช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  1. ความซับซ้อนของข้อมูล: การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่มากมายและซับซ้อนอาจเป็นภาระที่ยากต่อการจัดการ นอกจากนี้ยังต้องมีการตรวจสอบคุณภาพข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ใช้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ

  2. การควบคุมความเป็นส่วนตัว: การเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าอาจเกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งต้องปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดและเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  3. ความสมดุลในการใช้ข้อมูล: การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจควรมีความสมดุลและคำนึงถึงความเป็นธรรมของการใช้ข้อมูล เพื่อป้องกันความไม่เป็นธรรมในการใช้ข้อมูลลูกค้าหรือการกำหนดกฎระเบียบ

  1. กำหนดเป้าหมายการตลาด (Marketing Objectives): กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้กับกิจกรรมตลาด เช่น เพิ่มยอดขาย,  สร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการ เป็นต้น

  2. รวบรวมข้อมูล (Data Collection): รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ได้แก่ข้อมูลทางการตลาด, ข้อมูลการซื้อขาย, ข้อมูลสัญชาติ, ข้อมูลการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

  3. วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล (Data Analysis): วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลเพื่อหาความสัมพันธ์และแนวโน้ม ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเช่นการสร้างรูปแบบการซื้อขาย (Purchase Patterns) และการทำนายพฤติกรรมลูกค้า (Customer Behavior Prediction)

  4. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Segmentation): แบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามลักษณะที่คล้ายคลึงกัน เช่น ตามอายุ, เพศ, พฤติกรรมการซื้อขาย เพื่อให้กิจกรรมตลาดเป็นไปตามเป้าหมายและเน้นกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสม

  5. การสร้างและปรับแต่งแคมเปญ (Campaign Creation & Customization): สร้างแคมเปญตลาดที่เหมาะสมตามกลุ่มเป้าหมาย ใช้ข้อมูลในการปรับแต่งสื่อตลาดและข้อความ

  6. การดำเนินการและวางแผนการตลาด (Marketing Execution & Planning): ดำเนินกิจกรรมตลาดตามแผนการตลาดที่กำหนดขึ้น โดยใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมและวิเคราะห์เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในการเลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสม

  7. การวัดและประเมินผล (Measurement & Evaluation): วัดและประเมินผลการทำ Data Driven Marketing โดยใช้ตัวชี้วัดเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อตรวจสอบว่ากิจกรรมตลาดได้ผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดหรือไม่ และใช้ข้อมูลผลการวิเคราะห์เพื่อปรับแก้แผนการตลาดในอนาคต

  8. การปรับปรุงและการเรียนรู้ (Optimization & Learning): ใช้ข้อมูลและผลการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงกิจกรรมตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต และนำประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับไปใช้ในกิจกรรมตลาดในอนาคต

  1. การใช้ข้อมูลการซื้อขาย: บริษัทอาจใช้ข้อมูลการซื้อขายที่เก็บรวบรวมได้ เช่น ปริมาณการขายสินค้าในแต่ละช่วงเวลา, สินค้าที่ขายดีที่สุด, และลูกค้าที่มีการซื้อซ้ำ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม

  2. การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า: โดยการสำรวจข้อมูลลูกค้า เช่น การเข้าชมเว็บไซต์, การคลิกโฆษณา, และการตอบสนองต่อการตลาด บริษัทสามารถสร้างโปรโมชั่นที่กำหนดเฉพาะแก่กลุ่มลูกค้าเฉพาะที่สนใจและมีโอกาสในการสร้างยอดขายสูงขึ้น

  3. การสร้างโฆษณาที่แม่นยำ: โดยการใช้ข้อมูลที่มีอยู่ เช่น ข้อมูลทางเศรษฐกิจ, ข้อมูลสัญชาติ, และข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทสามารถปรับแต่งข้อความและสื่อการตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึง ซึ่งสามารถเพิ่มผลตอบรับได้