บริษัทรับทำ SEO
สำหรับ E-Commerce

เป็นการปรับแต่งและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO (Search Engine Optimization) สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เป้าหมายของรับทำ E-Commerce SEO คือเพื่อให้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google หรือ Bing

Traffic

การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมหรือการเยี่ยมชมเว็บไซต์เพื่อใช้บริการหรือเรียกดู
เนื้อหาของเว็บไซต์นั้น สำหรับธุรกิจออนไลน์หรือเว็บไซต์อื่นๆ เพิ่ม Traffic เป็นเป้าหมายที่สำคัญ เนื่องจากจำนวนผู้เข้าชมที่มากขึ้นส่งผลให้เว็บไซต์ E-Commerce มีโอกาสสร้างซัพพอร์ต ยอดขายเพิ่มขึ้น หรือเพิ่มโอกาสในการดำเนินการต่างๆ บนเว็บไซต์

Ranking

ตำแหน่งหรืออันดับที่เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google หรือ Bing อันดับที่ดีขึ้นหมายถึงเว็บไซต์ของคุณปรากฏในตำแหน่งที่สูงขึ้นในผลการค้นหา การอยู่ในอันดับที่สูงในผลการค้นหาเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากผู้ใช้งานมักจะ คลิกเข้าเว็บไซต์ที่ปรากฏในอันดับแรกหรืออันดับบนสุด ผลการค้นหาที่อยู่ในอันดับที่สูงมีโอกาสสูงในการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์  E-Commerce และการเพิ่มยอดขายของธุรกิจออนไลน์ของคุณ

ลูกค้าที่วางใจทำ SEO สำหรับ E-Commerce กับเรา

บริการรับทำ SEO สำหรับ E-Commerce นี้ เหมาะกับธุรกิจกลุ่มใด

บริการรับทำ E-Commerce SEO เหมาะกับธุรกิจกลุ่มที่ต้องการเพิ่มการเข้าชมและยอดขายของร้านค้าออนไลน์ การทำ SEO เป็นกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้ปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google หรือ Bing เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าชมและทำการซื้อสินค้า

สิ่งที่จะได้รับกับบริการ รับทำ SEO E-Commerce

ให้คุณมียอดขายตั้งแต่
3 เดือนแรกที่เริ่มทำ SEO

เว็บไซต์ระบบ Funnel ที่จะช่วยให้คุณ ยิงโฆษณาหวังผลได้ง่ายขึ้น

สอนทีมงานของคุณให้ดูแลเว็บไซต์ เมื่อติดอันดับคีย์เวิร์ด

ตัวอย่างผลงาน รับทำ SEO Funnel

เราออกแบบทุกแผนจากมืออาชีพนักการตลาด รุ่นใหม่ที่มากประสบการณ์

เหตุผลที่ต้องใช้บริการรับทำ SEO สำหรับ E-Commerce เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้อย่างไร

ทำ SEO ทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น

การทำ SEO คือการหาลูกค้าจาก การค้นหาผ่านกูเกิ้ล ดังนั้นการเพิ่ม ลูกค้าให้ได้ประสิทธิภาพทั้งปริมาณและคุณภาพ เราต้องเลือกคีย์เวิร์ด ที่มั่นใจได้ว่าจะได้ยอดขายทั้ง ทางตรงและทางอ้อม

สร้างยอดขายได้สูงขึ้น เมื่อทำ SEO

มีเพียงบริษัทรายใหญ่และคน ส่วนน้อยที่จะรู้ว่าหากอยากได้ ยอดขาย 2-3 เท่าจากการยิงแอด การหาลูกค้าจากฝั่ง Organic เป็นสิ่งที่สร้างยอดขายได้ และยิ่ง คุณยิงโฆษณาจากคนที่มาจาก SEO อีกที คุณจะได้ยอดขายที่ สูงขึ้นไปอีก

ได้ยอดขาย แบบไม่ต้องพึ่งยิงโฆษณา

สัดส่วนจากลูกค้าที่ผมดูแล พบว่า ลูกค้าจากฝั่ง SEO มีสัดส่วนถึง 46-67% ขึ้นอยู่กับแต่ละ อุตสาหกรรม แต่ถึงแม้ว่าจะยังมี สัดส่วนนึงคือการยิงโฆษณา แต่ ส่วนหนึ่งคือการยิงลูกค้าที่มาเข้า เว็บไซต์จาก SEO

การทำ SEO คือการทำธุรกิจ แผนระยะยาว

ผมจะบอกกับผู้ประกอบการเสมอว่า การยิงแอดโฆษณาคือแผนระยะสั้น ส่วนการได้ลูกค้าแบบ Organic คือแผนระยะยาว เพราะในวันที่ โฆษณาแพงขึ้น หรือมีปัญหา บริษัทของคุณจะได้รับผลกระทบ น้อยที่สุด

ขั้นตอนการดูแล SEO ฉบับ Funnel

นัดหมายพูดคุย วิเคราะห์ธุรกิจ

วางแผนพูดคุยในมุมธุรกิจ ก่อนเริ่มต้นทำ คลิก ปรึกษา SEO ให้กับธุรกิจ เพื่อนัดหมายเวลาพูดคุยกับผมโดยตรง

ประมวล Keyword

จัดทำแผนคีย์เวิร์ดที่จะใช้ เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าจากทุกระดับของ Funnel คุณจะเห็นภาพรวมก่อนทำ SEO ว่า Goal ที่คุณควรจะได้รับคืออะไร

วาง Site Sturcture

ตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บเก่าหรือใหม่ เพราะ Site Structure ที่ถูกต้องทำให้เรามั่นใจว่าเว็บไซต์จะติดได้ 100%

seo On-Page

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Content และการจัดการเนื้อหาทั้งหมด เพื่อให้ได้ E-A-T Factor เราให้ความสำคัญกับ On-page 80% สำหรับบางธุรกิจแค่ Onpage แข็งแรงก็ติด หน้า 1 ได้

Off-Page และ Backlink

สำหรับธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การทำ Off-page คือสิ่งที่ยังมีความจำเป็นในปัจจุบัน ดังนั้นเราจะให้ความสำคัญที่ 20% เพื่อดันอันดับสำหรับคีย์ที่แข่งขันสูง

** SEO คือสิ่งที่ไม่สามารถถูกเร่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นอย่าเชื่อในบางเจ้าที่บอกคุณว่าจะทำให้ได้ใน 3 เดือนครับ (ยกเว้นกรณีไม่มีคู่แข่งเลย)

คำถามที่พบบ่อย

เป็นการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยทั้งผู้ขายและลูกค้าทำการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต รูปแบบ E-commerce มีหลายประเภท เช่น B2C (Business-to-Consumer) ซึ่งเป็นการซื้อขายระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค, B2B (Business-to-Business) ซึ่งเป็นการซื้อขายระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ, และ C2C (Consumer-to-Consumer) ซึ่งเป็นการซื้อขายระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค

1.คู่แข่ง: การแข่งขันในวงการ E-commerce มีเว็บไซต์คู่แข่งที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คล้ายกันมาก

ดังนั้นควรหมั่นศึกษาและวิเคราะห์วางแผนเพื่อเอาชนะคู่แข่ง

2.ความเร็วของเว็บไซต์: ความเร็วในการโหลดของเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญในการทำ SEO สำหรับ E-commerce ถ้าเว็บไซต์โหลดช้า อาจทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจและอาจทิ้งเว็บไซต์ไป

3.การจัดการข้อมูลสินค้า: เว็บไซต์ E-commerce มักมีจำนวนสินค้าปริมาณมาก การจะจัดการหรือการเพิ่มข้อมูลสินค้าให้เหมาะสมในการทำ SEO ถือเป็นความท้าทาย เนื่องจากต้องให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ชัดเจน และเป็นรูปแบบที่เข้าใจง่ายให้แก่ผู้ใช้งาน

จำเป็นอย่างมาก เพราะมีผลต่อความได้เปรียบคู่แข่งและเป็นที่ยอมรับไม่ว่าจะเป็นยอดการเข้าชมเว็บไซต์ ยอดการขายและกำไร ความน่าเชื่อถือและมูลค่าของแบรนด์

1.Keyword การเลือกKeywordที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณสำคัญอย่างมากในการนำมาใช้ในเนื้อหาและแท็กต่างๆ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก!

2.การเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ: การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ เนื้อหาควรมีคำสำคัญและเป็นโครงสร้างที่เข้าใจง่าย เช่น รายละเอียดสินค้า รีวิว และเนื้อหาเพื่อการแนะนำ

3.การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์: การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ให้มีความเข้าใจง่าย มีการใช้ URL เข้าถึงหน้าสินค้าและหมวดหมู่ที่เป็นระเบียบ และมีโครงสร้างเนื้อหาที่เป็นระเบียบ เพื่อให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าถึงและทำความเข้าใจเนื้อหาได้ดี

สามารถเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย สร้างความไว้วางใจและเพิ่มความน่าเชื่อถือ ลดค่าใช้จ่ายโฆษณาและเพิ่มการแสดงผลในสื่อสังคมออนไลน์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย

1.คำสำคัญเฉพาะสำหรับสินค้า เน้นการค้นหาคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณและมีความสำคัญสูง เพื่อเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาเมื่อลูกค้ากำลังมองหาสินค้าเฉพาะ

2.การเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า แสดงคะแนนรีวิวหรือคำแนะนำจากลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือได้ จะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ของคุณ

3.การจัดเรียงหน้าผลการค้นหาในเว็บไซต์: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าผลการค้นหาในเว็บไซต์ของคุณมีโครงสร้างที่ดี รวมถึงการใช้แท็กหัวข้อที่เกี่ยวข้อง และการจัดหน้าเว็บไซต์ให้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้

สิ่งที่การทำ E-Commerce SEO แตกต่างจาก SEO ก็คือE-Commerce SEO เน้นการขายสินค้าและบริการออนไลน์ ซึ่งเป้าหมายคือการเพิ่มยอดขายและการสร้างการขายผ่านเว็บไซต์ E-commerce ในขณะที่ SEO ปกติจะเน้นเนื้อหาและการสร้างTrafficที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ทั่วไปได้

หากคุณต้องการเริ่มทำ SEO สำหรับ E-commerce ทางทีมFunnelมีความแแนะนำดังต่อไปนี้

1.วางแผนเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายของการทำ SEO เช่น เพิ่มยอดขายในหมวดสินค้าเฉพาะ หรือเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ E-commerce

2.Keyword: ศึกษาและวิเคราะห์คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่คุณขาย โดยใช้เครื่องมือ SEO เพื่อหาคำสำคัญที่มีประสิทธิภาพสูง

3.ปรับแต่งหน้าเว็บไซต์: เพื่อให้มีโครงสร้างที่ดีและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำสำคัญ

4.สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ: สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ เพิ่มเนื้อหาบทความ รีวิวสินค้า และคำแนะนำเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและประโยชน์สำหรับผู้ใช้