ตัวอย่าง โฆษณาสินค้า 7 แบบช่วยโน้มน้าวใจผู้บริโภค กระตุ้นการตัดสินใจซื้อแบบรวดเร็ว!
การเขียนโฆษณาสินค้าเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการทุกราย เพราะการโฆษณาที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักและจดจำมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้อีกด้วย
บทความนี้จะกล่าวถึงการโฆษณาสินค้าให้โดนใจผู้บริโภค กระตุ้นการซื้อขายว่าควรมีลักษณะอย่างไร เขียนอะไรไม่ให้ตัน พร้อมยกข้อความโฆษณา ตัวอย่างการเขียนโฆษณาสินค้าอาหารที่สร้างสรรค์ ตลอดจนมี 7 ทริกการเขียนโฆษณาสินค้า โน้มน้าวใจผู้บริโภค กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำทริกเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับการทำโฆษณาสินค้าของตนเอง และโน้มน้าวใจผู้บริโภคและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้จริง
การโฆษณาสินค้าให้โดนใจผู้บริโภค กระตุ้นการซื้อขายควรมีลักษณะอย่างไร
การโฆษณาสินค้าให้โดนใจผู้บริโภค กระตุ้นการซื้อขาย ควรมีลักษณะดังนี้
ตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาควรมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น เพศ อายุ อาชีพ ความสนใจ เป็นต้น เพื่อให้โฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เข้าใจปัญหาที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญ
โฆษณาที่ดีควรเข้าใจปัญหาที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญอยู่ และเสนอทางออกที่ตรงจุด เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคสนใจที่จะอ่านหรือดูโฆษณาต่อไป
เน้นย้ำถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ
โฆษณาควรเน้นย้ำถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากสินค้าหรือบริการ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงคุณค่าของสินค้าและตัดสินใจซื้อ
สื่อสารได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
โฆษณาควรใช้ภาษาที่กระชับและเข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใจเนื้อหาของโฆษณาได้อย่างตรงประเด็น
น่าเชื่อถือและน่าเชื่อถือ
โฆษณาควรมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความไว้วางใจและตัดสินใจซื้อ
กระตุ้นความรู้สึกหรืออารมณ์ของผู้บริโภค
การกระตุ้นความรู้สึกหรืออารมณ์ของผู้บริโภค เช่น ความกลัว ความปรารถนา ความภูมิใจ จะช่วยโน้มน้าวให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
มีกรอบเวลาหรือข้อเสนอพิเศษ
การกำหนดกรอบเวลาหรือข้อเสนอพิเศษ เช่น ส่วนลด โปรโมชั่น ของแถม จะช่วยสร้างความเร่งด่วนให้กับผู้บริโภคและกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อสินค้าทันที
นอกจากนี้ การโฆษณาสินค้าให้โดนใจผู้บริโภค กระตุ้นการซื้อขาย ยังจำเป็นต้องใช้สื่อที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ช่องทางการรับสื่อ ช่วงเวลา งบประมาณ เป็นต้น
เปรียบเทียบโฆษณาแบบดิสเพลย์ VS โฆษณาแบบแบนเนอร์
โฆษณาแบบดิสเพลย์ (Display Advertising) และโฆษณาแบบแบนเนอร์ (Banner Advertising) เป็นรูปแบบหนึ่งของโฆษณาดิจิทัลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งสองรูปแบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ทำให้โฆษณาแบบดิสเพลย์เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้ (Brand awareness) สร้าง Traffic หลักแสนและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค (Engagement) ในขณะที่โฆษณาแบบแบนเนอร์เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความแตกต่างและโดดเด่นจากโฆษณาอื่น ๆ โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำ
การเลือกรูปแบบโฆษณาที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น เป้าหมายของการสื่อสาร งบประมาณ กลุ่มเป้าหมาย และช่องทางการรับสื่อ
ตัวอย่างการเขียนโฆษณาสินค้าอาหารที่สร้างสรรค์
บทโฆษณา ตัวอย่างหัวข้อ: “ข้าวโพดคั่วรสใหม่ อร่อยฟินจนต้องร้องขออีก”
ข้อความโฆษณา ตัวอย่าง
ข้าวโพดคั่วรสใหม่จากแบรนด์ดัง อร่อยฟินจนต้องร้องขออีก กับรสชาติที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ข้าวโพดคั่วที่คัดสรรมาอย่างดี เมล็ดใหญ่เต็มคำ อบกรอบอย่างพิถีพิถัน หอมกลิ่นเนยแท้ อร่อยกลมกล่อมทุกคำ
Call to action
หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ
การวิเคราะห์
โฆษณานี้ใช้เทคนิคต่าง ๆ ที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มจากการใช้ภาพที่สวยงามและน่ารับประทาน เพื่อดึงดูดสายตาของผู้ชม จากนั้นจึงใช้ข้อความที่กระชับและเข้าใจง่าย เพื่อสื่อสารถึงประโยชน์และจุดเด่นของสินค้าอย่างตรงประเด็น สุดท้ายจึงใช้คำกระตุ้นการตัดสินใจ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความอยากลองสินค้า
นอกจากนี้ โฆษณานี้ยังใช้เทคนิคการสร้างความแตกต่าง โดยนำเสนอรสชาติใหม่ของข้าวโพดคั่วที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากลองสินค้า
ตัวอย่างอื่น ๆ
ตัวอย่าง โฆษณาสินค้าสั้นๆ
เช่น โฆษณาชาเขียว
ชาเขียว สดชื่น ชุ่มคอ ดื่มได้ทุกที่ทุกเวลา
ตัวอย่าง โฆษณาสินค้าที่น่าสนใจ
เช่น โฆษณาพิซซ่า
พิซซ่า เมนูอาหารอิตาเลียน อร่อย หลากหลายรสชาติ โดนใจทุกวัย
ตัวอย่าง โฆษณาสินค้าชวนเชื่อ
เช่น โฆษณาอาหารเสริม
อาหารเสริม ช่วยให้หุ่นดี สุขภาพดี เพียงรับประทานทุกวัน
ตัวอย่าง โฆษณาสินค้าเป็นภาษาอังกฤษพร้อม แปล
เช่น โฆษณาไอศกรีม
Ben & Jerry’s: The perfect ice cream for a perfect day.
แปล: ไอศกรีมที่สมบูรณ์แบบสำหรับวันที่สมบูรณ์แบบ
ตัวอย่าง โฆษณาสินค้าที่เกินจริง
เช่น โฆษณาอาหารเสริมลดน้ำหนัก
“เพียงรับประทานวันละ 1 เม็ด น้ำหนักของคุณจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด”
ตัวอย่าง โฆษณาสินค้าเกินจริงและตัวอย่าง โฆษณาสินค้าประเภทอื่นยังมีอีกมากมาย แต่สำหรับการเขียนโฆษณาสินค้าอาหารให้สร้างสรรค์นั้น จำเป็นต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มเป้าหมาย วัตถุประสงค์ของการสื่อสาร และช่องทางการสื่อสาร การใช้เทคนิคต่างๆ ที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคอย่างเหมาะสม จะช่วยทำให้โฆษณาประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมาย
7 ทริกการเขียนโฆษณาสินค้า โน้มน้าวใจผู้บริโภค กระตุ้นการซื้อ
การเขียนโฆษณาสินค้า โน้มน้าวใจนั้น จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคต่าง ๆ ที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ ต่อไปนี้เป็น 7 ทริกการเขียนโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ
1. เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเขียนโฆษณาสินค้าคือการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น เพศ อายุ ไลฟ์สไตล์ ความสนใจ ปัญหาและความต้องการ เป็นต้น การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้สามารถเขียนโฆษณาที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายสนใจ
2. สร้างความแตกต่าง
ผู้บริโภคในปัจจุบันมีตัวเลือกมากมาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าหรือบริการของคุณ โดยเน้นย้ำถึงจุดเด่นของสินค้าหรือบริการที่ไม่เหมือนใครหรือเหนือกว่าสินค้าหรือบริการอื่นๆ ในตลาด
3. สื่อสารประโยชน์
ผู้บริโภคมักตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการโดยพิจารณาจากประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนั้นจึงควรสื่อสารประโยชน์ของสินค้าหรือบริการอย่างตรงประเด็นและชัดเจน โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและกระชับและเน้นย้ำถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับโดยตรง
4. ใช้ภาษาที่โน้มน้าวใจ
การใช้ภาษาที่โน้มน้าวใจจะช่วยให้โฆษณาของคุณมีผลกระทบต่อผู้บริโภคมากขึ้น เทคนิคการใช้ภาษาที่โน้มน้าวใจ ได้แก่ การใช้คำศัพท์ที่กระตุ้นอารมณ์ การใช้คำศัพท์ที่แสดงถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ การใช้คำศัพท์ที่แสดงถึงความต้องการหรือความปรารถนาของผู้บริโภค เป็นต้น
5. ใช้อารมณ์ร่วม
การใช้อารมณ์ร่วมจะช่วยให้โฆษณาของคุณเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น เทคนิคการใช้อารมณ์ร่วม ได้แก่ การใช้เรื่องราวหรือประสบการณ์ที่น่าประทับใจ การใช้อารมณ์ขันหรือความตลกขบขัน การใช้ภาพหรือวิดีโอที่กระตุ้นอารมณ์ เป็นต้น
6. มีคำกระตุ้นการตัดสินใจ
คำกระตุ้นการตัดสินใจ (Call to action) เป็นข้อความที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อหรือทำบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้นจึงควรมีคำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจนและกระชับและกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจทันที
7. วัดผลประสิทธิภาพ
การวัดผลประสิทธิภาพของโฆษณาจะช่วยให้สามารถปรับปรุงโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เทคนิคการวัดผลประสิทธิภาพของโฆษณา ได้แก่ การติดตามอัตราการคลิกผ่าน (Click-through rate: CTR) อัตราการแปลง (Conversion rate) และผลตอบรับจากผู้บริโภค เป็นต้น
นอกจาก 7 ทริกข้างต้นแล้ว ยังมีเทคนิคอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถนำมาใช้ในการเขียนโฆษณาสินค้าให้โน้มน้าวใจได้ เช่น การใช้การเปรียบเทียบ ใช้การวิเคราะห์หรือข้อมูลสนับสนุน ใช้การรับรองจากบุคคลที่สาม เป็นต้น
คุณต้องการเพิ่มยอดขายและความสำเร็จในธุรกิจของคุณหรือไม่ ?
หากคำตอบคือใช่ Funnel รับทำโฆษณา Google Ads สามารถช่วยคุณได้
Funnel เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Google Ads เราให้บริการโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาของ Google และเว็บไซต์พันธมิตรต่าง ๆ ซึ่งผู้โฆษณาสามารถสร้างและแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่ผู้ใช้งานค้นหาบน Google หรือเว็บไซต์พันธมิตร
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตัวอย่าง โฆษณาสินค้า
ข้อดีของการโฆษณาสินค้ามีอะไรบ้าง
ข้อดีของการโฆษณาแบบดิสเพลย์มีอะไรบ้าง
ตัวอย่างการโฆษณาแบบดิสเพลย์เป็นอย่างไร
– โฆษณาแบนเนอร์ขนาดใหญ่ที่แสดงอยู่บนเว็บไซต์ยอดนิยม
เช่น โฆษณารถยนต์หรือเครื่องสำอาง
– โฆษณาวิดีโอสั้น ๆ ที่แสดงก่อนหรือระหว่างวิดีโอบน YouTube
เช่น โฆษณาภาพยนตร์หรือเกม
– โฆษณาข้อความสั้น ๆ ที่แสดงอยู่ด้านบนหรือด้านล่างของหน้าเว็บไซต์
เช่น โฆษณาโปรโมชั่นหรือส่วนลด
– โฆษณารูปภาพขนาดใหญ่ที่แสดงอยู่ที่ด้านบนหรือด้านล่างของหน้าเว็บไซต์
เช่น โฆษณาสถานที่ท่องเที่ยวหรือสินค้า
นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบโฆษณาแบบดิสเพลย์อื่นๆ เช่น โฆษณาอินเทอร์แอคทีฟ โฆษณาแบบไดนามิก และโฆษณาแบบมีส่วนร่วม เป็นต้น
องค์ประกอบของโฆษณาดิสเพลย์มีอะไรบ้าง
– รูปภาพ
เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ควรมีความคมชัด สวยงาม และดึงดูดความสนใจ
– หัวเรื่อง
ควรกระชับ ชัดเจน และสื่อถึงจุดเด่นของสินค้าหรือบริการ
– ข้อความเนื้อหา
ควรมีความชัดเจน เข้าใจง่าย และกระตุ้นให้ผู้บริโภคสนใจ
– ปุ่ม CTA
ควรมีข้อความที่ชัดเจนและกระตุ้นให้ผู้บริโภคดำเนินการตามที่ต้องการ
นอกจากองค์ประกอบหลักแล้ว โฆษณาดิสเพลย์ยังสามารถมีองค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น โลโก้แบรนด์ สัญลักษณ์หรือไอคอน วิดีโอ หรือองค์ประกอบอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับรูปแบบและวัตถุประสงค์ของการโฆษณา