UTM คืออะไร รู้จัก UTM Tracking เทคนิควัดผลการตลาดฉบับมือโปร
เบื่อไหมกับการลงทุนกับการตลาดออนไลน์โดยไม่รู้ผลลัพธ์? UTM Tracking คือเครื่องมือวิเศษที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของแคมเปญของคุณได้อย่างชัดเจน ตัดสินใจปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงที และเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดให้สูงสุด วันนี้พาทุกคนไปทำความรู้จักว่า UTM คืออะไร? UTM ย่อมาจากอะไร?มีวิธีการสร้างแบบไหนน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกัน
UTM คืออะไร UTM ย่อมาจากอะไร?
UTM ย่อมาจาก (Urchin Tracking Module) UTM คือเป็นระบบติดตามข้อมูลที่ช่วยในการวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์จากแหล่งต่าง ๆ โดยเฉพาะในการตลาดออนไลน์ UTM ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามพฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์หลังจากคลิกลิงก์ที่ถูกแชร์ในแคมเปญโฆษณาต่าง ๆ ด้วยวิธีการใส่พารามิเตอร์พิเศษลงใน URL
การใช้ UTM Tracking เพื่อเสริมประสิทธิภาพแคมเปญและการตลาด ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการวิเคราะห์และการปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
UTM มีประโยชน์อย่างไร ?
การใช้ UTM Tracking มีข้อดีมากมายที่สามารถช่วยในการวิเคราะห์และเสริมสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ของคุณ ดังนี้
1. ตรวจสอบแหล่งที่มาของการเข้าชม
UTM ช่วยให้คุณทราบว่าแคมเปญไหนที่ส่งผลให้เกิดการเข้าชมเว็บไซต์ การรู้ว่าแหล่งที่มานั้นคืออะไร เช่น โฆษณาบน Facebook หรืออีเมลข่าวสาร จะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนการลงทุนด้านการตลาดได้ตามความเหมาะสม
2. วิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญ
เมื่อใช้ UTM คุณจะสามารถตรวจสอบว่าคำโฆษณาหรือไอเดียไหนที่ทำให้ผู้เข้าชมมีการตอบสนองมากที่สุด เช่น การคลิกหรือการซื้อสินค้า การมีข้อมูลที่ชัดเจนทำให้คุณสามารถปรับปรุงแคมเปญในอนาคตได้ดีขึ้น
3. ติดตามพฤติกรรมผู้ใช้อย่างละเอียด
นอกจากรู้ว่าแหล่งที่มาคืออะไร UTM ยังช่วยให้คุณเห็นว่าผู้เข้าชมลงทะเบียนหรือทำการซื้อภายในเว็บไซต์อย่างไร ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
4. เพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ด้วยข้อมูล
UTM ทำให้คุณสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์เว็บ เช่น Google Analytics เพื่อเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับประสิทธิภาพของช่องทางการตลาดต่าง ๆ
5. ช่วยในการตัดสินใจที่มีความมั่นคง
ข้อมูลที่ได้จาก UTM ช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการตัดสินใจเรื่องงบประมาณการตลาดและกลยุทธ์ เนื่องจากมีข้อมูลที่มีหลักฐานสนับสนุนการดำเนินการ
ขั้นตอนวิธีการสร้าง UTM Tracking
การสร้าง UTM Tracking เป็นกระบวนการที่ไม่ซับซ้อนสามารถทำได้ดังนี้
1. กำหนด URL หลัก
เริ่มจากการเลือก URL ของหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการติดตาม ตัวอย่างเช่น URL ของหน้าสินค้า หน้าโปรโมชั่น หรือหน้า Landing Page ที่คุณต้องการโปรโมท
2. ระบุพารามิเตอร์ UTM
กำหนดพารามิเตอร์ UTM ที่คุณจะใช้ ซึ่งรวมถึง
- utm_source: แหล่งที่มาของการเข้าชม เช่น Facebook, Instagram
- utm_medium: ประเภทของสื่อ เช่น email, cpc
- utm_campaign: ชื่อแคมเปญ เช่น summer_sale, product_launch
- utm_term: คำค้นหาที่ต้องการติดตาม (ใช้ในกรณีโฆษณา PPC)
- utm_content: ใช้เพื่อแยกแยะเนื้อหาหรือเวอร์ชันในแคมเปญเดียวกัน
3. สร้าง URL ที่มี UTM
รวม URL หลักและพารามิเตอร์ UTM เข้าด้วยกัน ซึ่งอาจใช้รูปแบบตัวอย่างเช่น
4. เช็คความถูกต้องของ URL
ก่อนใช้งาน ควรตรวจสอบความถูกต้องของ URL โดยลองคลิกลิงก์ดูก่อนว่าไปยังปลายทางที่ต้องการจริง ๆ และการเข้า URL จะต้องมีพารามิเตอร์ UTM ตามที่กำหนด
5. ใช้งานลิงก์ในแคมเปญ
เมื่อได้ URL ที่มี UTM ถูกต้องแล้ว สามารถนำลิงก์นี้ไปใช้ในแคมเปญต่าง ๆ อย่างเช่น ในโพสต์โซเชียลมีเดีย อีเมลข่าวสาร หรือโฆษณา Pay-Per-Click (PPC)
6. ติดตามผลลัพธ์
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บ เช่น Google Analytics เพื่อติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จาก UTM Tracking เพื่อประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญ
วิธีดูผลลัพธ์จาก UTM Tracking
การวิเคราะห์ผลลัพธ์จาก UTM Tracking เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดของคุณ โดยข้อมูลที่ได้จาก UTM จะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจได้ว่าความพยายามในการตลาดของคุณมีผลสัมฤทธิ์อย่างไร นี่คือขั้นตอนในการดูผลลัพธ์จาก UTM Tracking:
- เข้าสู่ Google Analytics
เป็นขั้นตอนแรกที่คุณต้องทำคือเข้าสู่บัญชี Google Analytics ของคุณ โดยเลือกเว็บไซต์ที่คุณต้องการวิเคราะห์ข้อมูล - ไปที่รายงานของ Acquisition
จากแผงควบคุมด้านซ้ายให้คลิกที่ “Acquisition” (การเข้าชม) จากนั้นเลือก “Campaigns” (แคมเปญ) เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญที่ลงโฆษณาและติดตามด้วย UTM - เลือกแคมเปญที่ต้องการดูข้อมูล
ในส่วนนี้ คุณจะเห็นแคมเปญต่าง ๆ ที่คุณได้สร้างขึ้นจาก UTM เลือกแคมเปญที่คุณต้องการวิเคราะห์เพื่อดูข้อมูลที่เกี่ยวข้อง - วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ
ตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ เช่น:- จำนวนผู้เข้าชม จำนวนผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์จากแคมเปญที่ได้เงินจริง
- อัตราการมีส่วนร่วม แสดงถึงผู้เข้าชมที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเข้าชมหน้าเว็บไซต์ การดาวน์โหลด และการลงทะเบียน
- การแปลง วิเคราะห์ดูว่ามีผู้ที่ทำการซื้อหรือสมัครสมาชิกมากน้อยแค่ไหนจากแคมเปญนั้น ๆ
- เปรียบเทียบผลลัพธ์
หากคุณมีแคมเปญหลายรายการ สามารถเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างกันเพื่อดูว่าความพยายามในแต่ละช่องทางหรือแคมเปญไหนที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด - สร้างรายงานเพื่อการนำเสนอ
เมื่อคุณวิเคราะห์ข้อมูลเสร็จแล้ว สามารถจัดทำรายงานสรุปสำหรับทีมงานหรือผู้บริหาร เพื่อแชร์ข้อมูลความสำเร็จและการปรับปรุงในอนาคต
ข้อควรระวังของการทำ UTM
การใช้ UTM Tracking เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการติดตามผลและวิเคราะห์แคมเปญการตลาด อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังบางประการที่ต้องพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์ ดังนี้:
- การใช้ชื่อพารามิเตอร์ให้สม่ำเสมอ ควรตั้งชื่อพารามิเตอร์ UTM ให้เป็นระเบียบและสม่ำเสมอ เช่น ใช้ตัวพิมพ์เล็กหรือใหญ่เพียงแบบเดียวกันในทุกแคมเปญ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนเมื่อวิเคราะห์ข้อมูลหลังจากนั้น
- ความยาวของ URL ระวังไม่ให้ URL ที่มี UTM ยาวเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ลิงก์เกิดปัญหาเมื่อนำไปใช้ในแพลตฟอร์มบางแห่ง หรือทำให้ผู้ใช้สับสน
- การติดตั้ง UTM บน URL ที่ไม่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการติดตั้ง UTM บนลิงก์ที่มีการใช้งานร่วมกับระบบติดตามอื่น ๆ เช่น ลิงก์ที่ถูกติดตามโดยแพลตฟอร์มโฆษณา เพราะอาจทำให้ข้อมูลถูกจัดเก็บซ้ำซ้อนหรือผิดพลาด
- การจำกัดการใช้ ควรใช้ UTM เฉพาะในแคมเปญที่สำคัญและต้องการการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งเท่านั้น อย่าใช้ในทุกลิงก์ที่แชร์ เพราะอาจทำให้ข้อมูลล้นหลามและยากต่อการวิเคราะห์
- การทดสอบก่อนใช้งาน ควรทดสอบลิงก์ UTM ก่อนการเผยแพร่ เพื่อให้มั่นใจว่ามันทำงานได้อย่างถูกต้องและไม่ส่งผู้เข้าเว็บไซต์ไปยังหน้าผิดพลาด
- การบริหารจัดการข้อมูล หนึ่งในปัญหาที่อาจเกิดขึ้นคือข้อมูลจากแคมเปญที่มากเกินไปอาจทำให้สิ่งต่าง ๆ ซับซ้อน ควรมีระบบในการจัดเก็บและบริหารข้อมูลอย่างมีระเบียบ
การใส่ใจกับข้อควรระวังเหล่านี้ จะช่วยให้สามารถใช้ UTM Tracking ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถวิเคราะห์แคมเปญการตลาดได้อย่างถูกต้องและมีประโยชน์มากขึ้น
หากต้องการทำ SEO หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ SEO สอบถามรายละเอียดฟรี!! กับ FUNNEL
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEM คืออะไร
ทำไมต้องใช้ UTM ในการติดตามลิงก์?
การใช้ UTM ในการติดตามลิงก์มีความสำคัญเพราะช่วยให้เราทราบถึงแหล่งที่มาของผู้เข้าชมเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นจากโฆษณา อีเมล หรือโซเชียลมีเดีย การใช้ UTM ช่วยให้เราวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดดิจิทัลได้อย่างแม่นยำ สามารถรู้ได้ว่าลิงก์ใดให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพิ่มโอกาสในการปรับกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยติดตามการใช้งบประมาณทางการตลาดได้ดีขึ้น
ควรใช้ UTM กับทุกลิงก์หรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องใช้ UTM กับทุกลิงก์ แต่ควรใช้กับลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับการตลาดหรือแคมเปญโฆษณา เพื่อให้สามารถติดตามและวิเคราะห์ผลการใช้งานได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะลิงก์ที่ต้องการวัดประสิทธิภาพ เช่น โฆษณาออนไลน์ อีเมลแคมเปญ หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย การใช้ UTM จะช่วยให้รู้ว่าแหล่งที่มาของผู้เข้าชมมาจากที่ใด และลิงก์ไหนที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
UTM แตกต่างจาก URL ปกติอย่างไร?
UTM แตกต่างจาก URL ปกติเนื่องจากมีการเพิ่มพารามิเตอร์พิเศษเข้าไปใน URL เพื่อช่วยติดตามแหล่งที่มาของผู้เข้าชมเว็บไซต์ พารามิเตอร์เหล่านี้ ได้แก่ UTM Source, UTM Medium, UTM Campaign, UTM Term และ UTM Content ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถวิเคราะห์แคมเปญการตลาดและแหล่งที่มาของการเข้าชมได้อย่างละเอียด ในขณะที่ URL ปกติจะไม่มีข้อมูลเหล่านี้สำหรับการติดตาม