UTM คืออะไร วัดผลดิจิทัลออนไลน์ รวมข้อมูล UTM ไว้เฉพาะบทความนี้!

การวางกลยุทธ์การตลาดหรือทำแคมเปญให้เข้าถึงลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญนั่นสำคัญยิ่งกว่า เพราะหากไม่มีการติดตามผล นั่นหมายถึงคุณจะไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าแคมเปญที่ทำนั้นได้ผลหรือไม่ ดังนั้นการใส่ UTM วัดผลการตลาดดิจิทัลออนไลน์จึงเป็นอีกตัวเลือกที่ดี ในบทความนี้ จะรวมข้อมูล UTM ไว้ ตั้งแต่ UTM คืออะไร ทำไมต้องใส่ UTM พร้อมบอกวิธีการทำ UTM Tracking 

UTM คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับดิจิทัลออนไลน์

UTM ย่อมาจาก Urchin Tracking Module หรือที่เรียกกันว่า UTM parameters เป็นเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ที่ใช้ติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาดต่างๆ โดยการใส่ตัวแปรเพิ่มเติม หรือ Parameter ลงท้าย URL ของเว็บไซต์ พูดให้เข้าใจง่ายๆว่า UTM คือ เครื่องมือการตลาดที่ถูกใช้เพื่อระบุข้อมูลช่องทางการเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อนำข้อมูลวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ และปรับแต่งแคมเปญให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

UTM เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ที่มาของ Traffic บนเว็บไซต์ ซึ่งสามารถติดตามได้ว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์มาจากช่องทางไหน เช่น Facebook, Google Search หรือ Email Marketing ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าช่องทางไหนมีประสิทธิภาพดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากที่สุด 

นอกจากนี้ UTM สามารถเปรียบเทียบว่าแคมเปญไหนมีประสิทธิภาพดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากที่สุด หรือแคมเปญไหนมี Conversion Rate สูงสุด เป็นตัวช่วยติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ อย่างเช่น ผู้ใช้คลิกอะไรบนเว็บไซต์ ไปที่หน้าเว็บไหนบ้าง ทำให้เราสามารถเข้าใจความต้องการของผู้ใช้ และปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้

ข้อมูลที่ได้จาก UTM  จะถูกส่งไปยัง Google Analytics  สามารถนำไปวิเคราะห์และปรับแต่งแคมเปญให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งข้อความโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ปรับแต่ง Landing Page ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ปรับแต่ง Bidding Strategy บน Google Ads และเพิ่ม ROI (Return on Investment) ของแคมเปญต่างๆ ได้ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับแต่งแคมเปญให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

องค์ประกอบของ UTM ที่สำคัญ

UTM ประกอบไปด้วย 5 องค์ประกอบ ดังนี้

1. utm_source 

utm_source  มีหน้าที่ระบุ แหล่งที่มา ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ เมื่อใส่ utm_source ลงใน URL ของเว็บไซต์ เวลาใดที่มีคนเข้าชมเว็บไซต์จากแหล่งที่มาที่คุณระบุไว้  โดย แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  • Paid Traffic:
    • Social Media: Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn
    • Search Engine Marketing (SEM): Google Ads
    • Display Advertising: Banner Ads, Video Ads
    • Affiliate Marketing
  • Organic Traffic:
    • Search Engine Optimization (SEO): Google Search
    • Direct Traffic 

2. utm_medium 

utm_medium ใช้ระบุประเภทของสื่อที่ใช้ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ หรือ Traffic  ตัวอย่างของ utm_medium ได้แก่

  • CPC: Cost Per Click (โฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก)
  • Banner Ads
  • Email Marketing
  • Organic Traffic (เข้าชมเว็บไซต์โดยตรงจากผลการค้นหา)
  • Social Media/Content/Post
  • Referral Traffic (เข้าชมเว็บไซต์จากการคลิกลิงก์บนเว็บไซต์อื่น)
  • Paid Traffic (ทราฟฟิกที่ได้มาจากการโฆษณา)

3. utm_campaign 

utm_campaign ใส่เพื่อ ระบุชื่อแคมเปญ จุดประสงค์ของ utm_campaign ช่วยแยกข้อมูล Traffic จากแคมเปญการตลาดต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป กรณีที่มีหลายแคมเปญการใช้ utm_campaign จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแต่ละแคมเปญได้อย่างชัดเจน

การติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ควรใช้ร่วมกับ utm_source และ utm_medium คุณสามารถดูว่าแคมเปญไหนดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์มากที่สุด สร้าง Conversion ได้ดีที่สุด หรือใช้คุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไปมากที่สุด

4. utm_term

utm_term ใช้ระบุ คีย์เวิร์ด ที่ใช้ในการค้นหาเว็บไซต์ของคุณ (ใช้สำหรับ Google Search) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้โฆษณาแบบ Paid Search ช่วยให้สามารถดูว่าคีย์เวิร์ดไหนดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์มากที่สุด

5. utm_content

utm_content ทำหน้าที่ระบุ เนื้อหา ที่แตกต่างกันภายในแคมเปญการตลาดเดียวกัน  สมมติว่าคุณกำลังทดสอบโฆษณา 2 แบบภายในแคมเปญเดียวกันบน Facebook Ads โดยโฆษณาแบบแรกมีข้อความว่า “ลดราคาพิเศษ” และโฆษณาแบบที่สองมีข้อความว่า “คลิกเพื่อดูคอลเลคชั่นใหม่” คุณสามารถใส่ค่าที่แตกต่างกันใน utm_content เพื่อแยกข้อมูล Traffic จากโฆษณา 2 แบบนี้ utm_content=discount สำหรับโฆษณาแบบแรก และ utm_content=new_collection สำหรับโฆษณาแบบที่สอง 

การใส่ UTM ไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลครบทั้ง 5 องค์ประกอบก็ได้ แต่แนะนำว่าควรใส่อย่างน้อย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ utm_source, utm_medium และ utm_campaign สำหรับใครที่ต้องการรายละเอียดแคมเปญที่มากขึ้น ให้ใส่ utm_term และ  utm_content เพิ่มเติมได้

วิธีการทำ UTM Tracking (UTM Builder)

วิธีการทำ UTM Tracking ทำได้ไม่ยาก โดยแบ่งเป็นขั้นตอนดังนี้

1. กำหนดเป้าหมาย

ก่อนเริ่มทำ UTM Tracking ต้องกำหนดเป้าหมายก่อนว่าต้องการติดตามอะไร  เช่น

  • ต้องการติดตามว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์มาจากช่องทางไหน
  • ต้องการติดตามว่าแคมเปญไหนมีประสิทธิภาพดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากที่สุด
  • ต้องการติดตามว่าผู้ใช้คลิกอะไรบนเว็บไซต์ ไปที่หน้าเว็บไหนบ้าง

2. สร้าง UTM Tracking

การสร้าง UTM URL ด้วยการใส่องค์ประกอบ UTM ( utm_source utm_medium และ utm_campaign) ลงไปด้วยตัวเอง  หรือ ใช้เครื่องมือสร้าง UTM ออนไลน์ เช่น UTM Builder Campaign URL Builder

วิธีใส่ UTM ด้วยตัวเอง ดังนี้

1. เตรียม url ของเว็บไซต์ 

2. ตามด้วยเครื่องหมาย ( ? ) โดย เพื่อบอกให้เว็บเบราว์เซอร์รู้ว่ามีพารามิเตอร์เพิ่มเติม ข้อมูลที่อยู่หลังจากเครื่องหมาย ? จะเป็นข้อมูลในส่วนของ UTM parameter

3. เตรียมส่วนของ UTM โดยระบุรายละเอียด (องค์ประกอบ UTM) ของ Traffic ลงไป ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถตั้งชื่อได้ด้วยตัวเอง

ตัวอย่างวิธีใส่ UTM

URL ตัวอย่างก่อนใส่ UTM 

https://funnel.in.th/solution/b2b

URL หลังใส่ UTM

https://funnel.in.th/solution/b2b/?utm_source=facebook&utm_medium=content+post&utm_campaign=how+to+create+an+effective+b2b+website

จากตัวอย่างการ ใส่ utm_source=facebook ใน URL นั่นหมายถึงคนที่เข้าชมเว็บไซต์ของคุณจาก Facebook  utm_medium=content+post หมายความว่ามีคนเข้าชมเว็บไซต์ของคุณจากการคอนเทนต์โพสต์ และ utm_campaign=how+to+create+an+effective+b2b+website นั่นคือ แคมเปญของคุณ 

หลังจากใส่ UTM แล้ว จะเห็นว่าลิงก์ค่อนข้างมีความยาว ดังนั้นแนะนำให้ใช้ 10 เครื่องมือย่อ URL ให้สั้นลง เพื่อให้อ่านง่ายสบายตาและสื่อความหมายได้อย่างตรงประเด็นมากขึ้น

3. เผยแพร่ลิงก์ UTM

หลังจากใส่ UTM เสร็จ ควรนำลิงก์ไปเผยแพร่ตามแพลตฟอร์มหรือช่องทางที่ต้องการ

4. ติดตามผลลัพธ์

สามารถติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญได้ใน Google Analytics การทำ UTM Tracking นั้นทำได้ยาก สามารถนำไปใช้กับแคมเปญการตลาดออนไลน์ต่างๆ ของคุณได้ เช่น การทำ SEO เพิ่มยอดขายระยะยาว 

วิธีดู Traffic โดยการใส่ UTM

  • ดู Traffic บนเว็บไซต์  Google Analytics
  • ไปที่ Acquisition > Campaigns > All Campaign
    เมนูนี้จะแสดงรายการแคมเปญทั้งหมดของคุณ
  • หากต้องการดูเฉพาะบางแคมเปญ สามารถค้นหาแคมเปญที่ต้องการดู Traffic ได้เลย

นอกเหนือจากการวิเคราะห์ Traffic แล้ว การสร้าง Traffic ที่ดีให้เว็บไซต์ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน Funnel เราให้บริการรับทำ SEO ที่เน้นเพิ่มยอด Conversion ให้ได้ลูกค้าแบบ Organic Traffic เพื่อสร้างยอดขายยั่งยืนแบบ Long-Term

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ UTM

UTM  tracking คือ

UTM  tracking คือ การใส่ตัวแปรเพิ่มเติม หรือ Parameter ลงท้าย URL ของเว็บไซต์ เพื่อ ใช้ติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาดต่างๆ

Source / Medium คืออะไร

utm_source และ utm_medium เป็นองค์ประกอบของ UTM โดย utm_source  มีหน้าที่ระบุ แหล่งที่มา ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ ส่วน utm_medium ใช้ระบุประเภทของสื่อที่ใช้ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์

Campaign url builder คือ

Campaign URL Builder คือ เครื่องมือที่ช่วยสร้าง URL สำหรับใช้กับแคมเปญทางการตลาดต่างๆ โดยการใส่รหัสติดตาม (tracking code) ลงใน URL หรือที่นิยมเรียกกันว่า UTM parameters

UTM หมายถึงอะไร

UTM ย่อมาจาก Urchin Tracking Module หรือที่เรียกกันว่า UTM parameters คือ เครื่องมือการตลาดที่ถูกใช้เพื่อระบุข้อมูลช่องทางการเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อนำข้อมูลวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ และปรับแต่งแคมเปญให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

พิกัด UTM คืออะไร

พิกัด UTM ย่อมาจาก Universal Transverse Mercator เป็นระบบพิกัดที่ใช้ระบุตำแหน่งบนผิวโลก โดยใช้ระบบกริดอ้างอิงแบบคาร์ทีเซียน  ซึ่งต่างกัน UTM ที่เป็นเครื่องมือการตลาดที่ถูกใช้เพื่อระบุข้อมูลช่องทางการเข้าถึงเว็บไซต์

UTM parameters มีอะไรบ้าง

UTM parametersประกอบไปด้วย 5 องค์ประกอบ ดังนี้
1. utm_source 
2. utm_medium 
3. utm_campaign
4. utm_term
5. utm_content

Similar Posts