Pagespeeds คืออะไร ปรับอย่างไรให้ไว ทำไมถึงสำคัญกับการทำ SEO

การเช็คความเร็วเว็บไซต์ สำคัญต่อ SEO เนื่องจาก Google ประกาศว่า Pagespeeds เป็นหนึ่งในปัจจัยการจัดอันดับเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่โหลดเร็วมีโอกาสติดอันดับบน Google  มากกว่าและช่วยให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดี ในบทความนี้เลยจะพาทุกคนมารู้จักกับ Pagespeeds คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับการทำ SEO

Page Speed คืออะไร? สำคัญต่อเว็บไซต์อย่างไร?

Page Speed หมายถึง ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บที่แสดงผลต่อผู้ใช้งานเมื่อคลิกเข้าชม เปรียบเสมือนประตูบานแรกที่จะดึงดูดให้ผู้ใช้งานอยากอยู่ต่อหรือคลิกออกจากเว็บไซต์ โดย Page Speed นั้นวัดจากความเร็วในการแสดงผลเนื้อหาทั้งหมดบนหน้าเว็บ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ โค้ด HTML, CSS ฯลฯ ซึ่งมีหน่วยวัดเป็นวินาที (s) หรือมิลลิวินาที (ms)

Page Speed นั้นสำคัญต่อเว็บไซต์เป็นอย่างมาก ช่วยให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดี เพิ่มโอกาสในการติดอันดับบนหน้าแรกของ Google เพิ่มโอกาสในการทำ Conversion และอื่นๆ อีกมากมาย เจ้าของเว็บไซต์ควรให้ความสำคัญกับ Page Speed และทำการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ Page Speed นั้นสำคัญต่อเว็บไซต์ในหลายๆ ด้าน ดังนี้

1. ประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience)

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วสร้างประสบการณ์ที่ดี ผู้ใช้งานจะรู้สึกสะดวก ไม่หงุดหงิด และมีแนวโน้มที่จะอยู่ต่อเว็บไซต์ที่โหลดช้า ผู้ใช้งานจะรู้สึกหงุดหงิด รอไม่ไหว และอาจคลิกออกจากเว็บไซต์

2. SEO (Search Engine Optimization)

Google ใช้ Page Speed เป็นหนึ่งในปัจจัยในการจัดอันดับการค้นหา (Ranking) เว็บไซต์ที่โหลดเร็วมีโอกาสติดอันดับบนหน้าแรกมากกว่า เว็บไซต์ที่โหลดช้ามีโอกาสติดอันดับบนหน้าแรกน้อย

3. Conversion rate

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วมีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะทำ Conversion เช่น ซื้อสินค้า สมัครสมาชิก ฯลฯ มากกว่า เว็บไซต์ที่โหลดช้ามีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะทำ Conversion น้อย

Pagespeed มีผลยังไงกับอันดับ SEO?

Pagespeed หรือความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ มีผลต่อ SEO ของเว็บไซต์โดยตรง  เว็บไซต์ที่โหลดเร็ว หมายถึง เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี  ผู้ใช้จะอยู่ต่อบนเว็บไซต์นานขึ้น  มีโอกาสคลิกดูเนื้อหา  คลิกลิงก์  หรือทำธุรกรรมต่างๆ   ส่งผลดีต่ออันดับ SEO ของเว็บไซต์ ในทางกลับกัน เว็บไซต์ที่โหลดช้า  ผู้ใช้จะรอนาน  เกิด frustration  และอาจปิดหน้าเว็บไป  ส่งผลต่อ bounce rate สูง   Google ไม่ชอบเว็บไซต์ที่มี bounce rate สูง   อันดับ SEO ของเว็บไซต์จะตก นอกจากนี้ Google ยังให้ความสำคัญกับ Mobile-first indexing   หมายความว่า Google จะพิจารณาเวอร์ชัน Mobile ของเว็บไซต์เป็นหลัก   เว็บไซต์ที่โหลดช้าบน Mobile   อันดับ SEO ของเว็บไซต์จะตก   ทั้งบน Mobile และ Desktop

Pagespeed ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ Google พิจารณาในการจัดอันดับ Core Web Vitals   ประกอบด้วย LCP (Largest Contentful Paint)   FID (First Input Delay)   และ CLS (Cumulative Layout Shift)   เว็บไซต์ที่มี Core Web Vitals ดี   มีโอกาสติดอันดับ SEO ดี

สุดท้าย Pagespeed มีผลต่อ Backlinks   เว็บไซต์ที่โหลดช้า   มีโอกาสได้รับ Backlinks น้อย เพราะผู้ใช้ไม่อยากอยู่ต่อบนเว็บไซต์   ในทางกลับกัน เว็บไซต์ที่โหลดเร็ว   มีโอกาสได้รับ Backlinks มากขึ้น เพราะผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดี สรุปแล้ว Pagespeed เป็นหนึ่งในปัจจัย SEO ที่สำคัญ   เว็บไซต์ที่โหลดเร็ว มีโอกาสติดอันดับ SEO ดีกว่า ส่งผลดีต่อธุรกิจ

ปัจจัยที่มีผลต่อ Page Speed

  • Hosting: เลือกผู้ให้บริการ Hosting ที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และน่าเชื่อถือ
  • รูปภาพ: บีบอัดขนาดรูปภาพ เลือกใช้ไฟล์รูปภาพที่เหมาะสม
  • Caching: เก็บ Cache ของ Browser ในการเก็บไฟล์ Static
  • การ optimize โค้ด: เขียนโค้ด HTML, CSS และ JavaScript ให้มีประสิทธิภาพ
  • การย่อขนาด: ย่อขนาดไฟล์ HTML, CSS และ JavaScript
  • CDN (Content Delivery Network): กระจายเนื้อหาเว็บไซต์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก

Tip : Home Page และ Web Page ต่างกันอย่างไร 

Pagespeed Insights  เกี่ยวข้องอะไรกับการทำ SEO

Pagespeed Insights เกี่ยวข้องกับการทำ SEO ดังนี้

1. ความเร็วเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญในอัลกอริทึมการจัดอันดับของ Google

Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และความเร็วเว็บไซต์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อ UX โดยตรง เว็บไซต์ที่โหลดช้าจะสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้ใช้ ส่งผลให้ผู้ใช้ออกจากเว็บไซต์ (bounce rate) สูง Google มองว่าเว็บไซต์ที่มี bounce rate สูงเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำ

2. Pagespeed Insights ช่วยให้วัดและวิเคราะห์ความเร็วเว็บไซต์

Pagespeed Insights เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยวัดความเร็วเว็บไซต์และให้คำแนะนำในการปรับปรุง เครื่องมือนี้จะวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณและบอกคะแนนความเร็ว รวมไปถึงปัญหาที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า

3. การปรับปรุง Pagespeed Insights ช่วยให้ SEO ดีขึ้น

การปรับปรุง Pagespeed Insights ของเว็บไซต์จะช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น ส่งผลดีต่อ UX และ SEO

ทำไม Google จึงให้ PageSpeed มีส่วนสำคัญกับ SEO

Google ให้ความสำคัญกับ PageSpeed หรือความเร็วในการโหลดหน้าเว็บเป็นอย่างมาก เพราะว่า Google ต้องการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน เว็บไซต์ที่โหลดช้าจะสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้ใช้งาน และอาจทำให้ผู้ใช้งานปิดเว็บไซต์ไปก่อนที่จะได้เห็นเนื้อหา นอกจากนี้ Google ยังมองว่า PageSpeed เป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพของเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่โหลดช้าอาจบ่งบอกถึงปัญหาทางเทคนิค หรืออาจหมายความว่าเว็บไซต์นั้นไม่ได้รับการดูแลอย่างดี

ดังนั้น Google จึงใช้ PageSpeed เป็นหนึ่งในปัจจัยในการจัดอันดับเว็บไซต์ในหน้าค้นหา เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะมีโอกาสปรากฏในหน้าค้นหาอันดับต้น ๆ มากกว่าเว็บไซต์ที่โหลดช้า

เหตุผลหลักที่ Google ให้ความสำคัญกับ PageSpeed มีดังนี้

  • ประสบการณ์ผู้ใช้งาน: ผู้ใช้งานต้องการเว็บไซต์ที่โหลดเร็ว เว็บไซต์ที่โหลดช้าจะสร้างความหงุดหงิดและทำให้ผู้ใช้งานปิดเว็บไซต์ไป
  • คุณภาพของเว็บไซต์: เว็บไซต์ที่โหลดช้าอาจบ่งบอกถึงปัญหาทางเทคนิค หรืออาจหมายความว่าเว็บไซต์นั้นไม่ได้รับการดูแลอย่างดี
  • การเข้าถึง: เว็บไซต์ที่โหลดช้าอาจเข้าถึงได้ยากบนอุปกรณ์มือถือหรือในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตช้า

วิธีวัด Pagespeed ของเว็บไซต์

วิธี Check pagespeed google ของเว็บไซต์ มีเครื่องมือออนไลน์ (pagespeed tools)หลายตัวที่สามารถใช้วัด Pagespeed ของเว็บไซต์ เครื่องมือเหล่านี้จะวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณและให้คะแนน Pagespeedเครื่องมือวัด Pagespeed ยอดนิยม ได้แก่ 

Google PageSpeed Insights

Google PageSpeed Insights คือ เครื่องมือออนไลน์ฟรีที่ช่วยวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ เครื่องมือนี้จะประเมินเว็บไซต์ของคุณตามเกณฑ์ต่างๆ ที่ส่งผลต่อความเร็ว และให้คะแนน รวมถึงรายงานผลการวิเคราะห์ ซึ่งรวมถึงจุดแข็ง และ จุดอ่อน ของเว็บไซต์ในแง่ของความเร็ว ข้อเสนอแนะ สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้ว คะแนน Pagespeed Insights ที่สูง (ใกล้เคียง 100) แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณโหลดได้เร็ว  ซึ่งส่งผลดีต่อประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และอาจส่งผลดีต่ออันดับการค้นหาของ Google (SEO) ด้วย

GTmetrix

GTmetrix เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้เชี่ยวชาญ ช่วยให้วิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ เพิ่มความเร็วเว็บไซต์ และ SEOGTmetrix คือเครื่องมือวัดความเร็วเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ช่วยให้คุณวิเคราะห์ประสิทธิภาพเว็บไซต์และระบุจุดที่ต้องปรับปรุงเพื่อโหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้น

ฟีเจอร์หลักของ GTmetrix คือ วัดความเร็วเว็บไซต์: วิเคราะห์เวลาโหลดหน้าเว็บ แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพยากรต่างๆ (เช่น รูปภาพ JavaScript CSS) ให้คะแนนประสิทธิภาพ แสดงคะแนน PageSpeed และ YSlow แนะนำวิธีปรับปรุง บอกจุดที่ควรปรับปรุงเพื่อเพิ่มความเร็วเว็บไซต์  เปรียบเทียบประสิทธิภาพเว็บไซต์กับเว็บไซต์อื่น บันทึกผลลัพธ์การทดสอบ วิเคราะห์แนวโน้มประสิทธิภาพเว็บไซต์ เวอร์ชันฟรีของ GTmetrix มีข้อจำกัดบางประการ เช่น จำนวนการทดสอบต่อวัน

Pingdom 

Pingdom เป็นเครื่องมือที่ช่วยวัดความเร็วเว็บไซต์ โดยการโหลดหน้าเว็บของคุณจากเซิร์ฟเวอร์ในหลายสถานที่ทั่วโลก และวิเคราะห์เวลาในการโหลดองค์ประกอบต่างๆ ของหน้าเว็บ เช่น HTML, CSS, JavaScript, รูปภาพPingdom จะให้คะแนนประสิทธิภาพโดยรวมแก่เว็บไซต์ของคุณ แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับประสิทธิภาพ เช่น Waterfall chart, Page Analysis และ History นอกจากนี้ Pingdom ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่สามารถช่วยคุณปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ของคุณ เช่น Real User Monitoring (RUM), Synthetic Monitoring และ Load Testing สรุปคือ Pingdom เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการวัดความเร็วเว็บไซต์ของคุณ ระบุ areas for improvement และช่วยให้คุณปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ

คะแนน Pagespeed

  • 0-49: เว็บไซต์ของคุณโหลดช้า คุณควรปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเพื่อเพิ่ม Pagespeed
  • 50-89: เว็บไซต์ของคุณโหลดได้เร็วปานกลาง คุณสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเพิ่มเติมเพื่อเพิ่ม Pagespeed
  • 90-100: เว็บไซต์ของคุณโหลดได้เร็วมาก คุณไม่จำเป็นต้องปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเพิ่มเติม

เทคนิคปรับแต่ง Page Speed เว็บไซต์ ให้ติดหน้าแรกของ Google search

การปรับแต่ง Page Speed ของเว็บไซต์มีความสำคัญต่อ SEO มากขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2024 Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) มากขึ้น และความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เป็นส่วนหนึ่งของ UX ที่สำคัญ

เทคนิคปรับแต่ง Page Speed

1. บีบอัดรูปภาพ

รูปภาพเป็นไฟล์ขนาดใหญ่ที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า การบีบอัดรูปภาพโดยใช้เครื่องมือออนไลน์หรือโปรแกรม Photoshop จะช่วยลดขนาดไฟล์โดยไม่สูญเสียคุณภาพของรูปภาพ

2. ย่อขนาด JavaScript และ CSS

ไฟล์ JavaScript และ CSS ขนาดใหญ่จะทำให้เว็บไซต์โหลดช้า การย่อขนาดไฟล์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์

3. ตั้งค่า Cache

การตั้งค่า Cache จะช่วยให้เว็บเบราว์เซอร์เก็บสำเนาของไฟล์เว็บไซต์ไว้บนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ทำให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น

4. ใช้ CDN (Content Delivery Network)

CDN เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก การใช้ CDN จะช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก

5. Optimize เว็บไซต์สำหรับ Mobile

ผู้ใช้จำนวนมากเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ Mobile การ optimize เว็บไซต์สำหรับ Mobile จะช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นบนอุปกรณ์ Mobile

6. ตรวจสอบ Page Speed

มีเครื่องมือออนไลน์หลายตัวที่สามารถใช้ตรวจสอบ Page Speed ของเว็บไซต์ เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณระบุปัญหาที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า และแนะนำวิธีแก้ไข

7. ปรับแต่งเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง

การปรับแต่ง Page Speed ของเว็บไซต์เป็นกระบวนการต่อเนื่อง คุณควรตรวจสอบ Page Speed ของเว็บไซต์เป็นประจำ และปรับแต่งเว็บไซต์ตามความจำเป็น

Google Page Speed บนเว็บไซต์ของคุณช้าไหม ? 

ให้ Funnel ช่วยดูแลเว็บไซต์ SEO และ Page Speed ของคุณ
เพราะ
ทำเว็บบริษัท SEO ที่เน้นเพิ่มยอด Conversion ให้ธุรกิจของลูกค้าเป็นหลัก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Pagespeeds

PageSpeed Insights คืออะไร

PageSpeed Insights คือ เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ใช้ในการวิเคราะห์และวัดความเร็วของเว็บไซต์ทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ โดยจะแสดงผลลัพธ์เป็นคะแนนและคำแนะนำต่างๆ เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ดีขึ้น

Google PageSpeed คืออะไร

Google PageSpeed คือกลุ่มเครื่องมือจาก Google ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณวัดความเร็วในการโหลดหน้าเว็บของคุณ และระบุปัญหาที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณทำงานช้าลง การใช้เครื่องมือ Google PageSpeed จะช่วยให้คุณปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ ซึ่งส่งผลดีต่อประสบการณ์ผู้ใช้ SEO และอันดับการค้นหาใน Google

เช็คคุณภาพเว็บไซต์ได้อย่างไร

การตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าต้องการตรวจสอบด้านไหนโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วสามารถแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อหลัก ดังนี้
1. ประสิทธิภาพ ความเร็วในการโหลด ใช้เครื่องมือ เช่น Google PageSpeed Insights GTmetrix และPingdomและการเช็คประสิทธิภาพของ SEO
2. คุณภาพของเนื้อหา ตรวจสอบความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ และความเกี่ยวข้องของเนื้อหา
โครงสร้างเนื้อหา และการใช้ภาษาความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด
3. การออกแบบ การจัดวางองค์ประกอบ การใช้สี และตัวอักษร ตรวจสอบการใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆตรวจสอบความเร็วในการตอบสนอง และความราบรื่นของการใช้งาน

Google Pagespeed Tools มีอะไรบ้าง

Google มีเครื่องมือ Pagespeed หลายตัวที่ช่วยให้คุณวัดและปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์ เครื่องมือเครื่องมือวัดความเร็ว เช่น  PageSpeed Insights เครื่องมือนี้ช่วยวิเคราะห์ความเร็วของหน้าเว็บทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ แสดงคะแนนประสิทธิภาพ และแนะนำวิธีปรับปรุง Lighthouse เครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่รันบน Chrome DevTools ช่วยวิเคราะห์ประสิทธิภาพเว็บแอปพลิเคชัน WebPageTest เครื่องมือนี้ช่วยวิเคราะห์ความเร็วโหลดหน้าเว็บจากหลายสถานที่ทั่วโลก

Similar Posts