โฆษณา Google Ads คืออะไร? พร้อมเทคนิคดี ๆ ทำยังไงให้มีประสิทธิภาพ

โฆษณา Google Ads คือ เครื่องมือโฆษณาออนไลน์ชั้นนำที่จะช่วยธุรกิจสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความสามารถในการเลือกกลุ่มเป้าหมายและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด คุณสามารถสร้างแผนการตลาดได้อย่างแม่นยำ จึงทำให้ Google Ads เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

บทความนี้ Funnel จะขอพาทุกคนไปทำความรู้จัก Google Ads ให้ลึกซึ้งพร้อมเทคนิคการใช้งานให้ดีมากยิ่งขึ้น จะเป็นอย่างไรบ้าง อ่านต่อได้เลย

โฆษณา Google Ads คืออะไร?

Google Ads คือ การทำโฆษณาผ่าน Google ซึ่งเป็น Search Engine อันดับ 1 ของโลกที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก อ้างอิงจากข้อมูลสถิติจาก Hootsuite พบว่าประเทศไทยมีผู้ใช้งาน Google เพื่อการค้นหาข้อมูลกว่า 64.69% ทำให้ Google เปรียบเสมือนตลาดออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ธุรกิจจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ได้ผ่านการใช้ Google เป็นเครื่องมือสำคัญ 

ท่ามกลางการแข่งขันสูง ทุกธุรกิจต้องการให้โฆษณาของตัวเองไปถึงสายตา User ให้มากที่สุด และ Google Ads ก็สามารถตอบสนองความต้องการนั้นได้เป็นอย่างดี 

ประเภทของ Google Ads

การสร้างแคมเปญโฆษณา Google Ads เป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่าง และจุดประสงค์ที่หลากหลายของแต่ละธุรกิจ ซึ่งการเลือกประเภทโฆษณา Google Ads ให้ตรงกับเป้าหมายก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสามารถแบ่งย่อยเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้

1. Google Search

จุดประสงค์ที่เลือกได้: Sales / Lead / Website Traffic

การทำโฆษณา Google Search เป็นบริการที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ โดยจะอิงกับ “คีย์เวิร์ด” เป็นสำคัญ เช่นเดียวกับการทำ SEO ที่ใช้ประโยชน์จากหลักการ E-A-T และ YMYL ในการสร้างเนื้อหาในเว็บไซต์และการจัดการโครงสร้างให้สอดคล้องกับความต้องการค้นหาข้อมูลของ User แต่การทำโฆษณาจะทำให้เว็บของคุณติดอันดับแรก ๆ บน Google ได้ทันที ไม่ต้องรอเวลาและการแข่งขันเหมือนการทำ SEO

2. Google Display Network

จุดประสงค์ที่เลือกได้: Sales / Lead / Website Traffic / Brand Awareness & Reach

Google Display Network (GDN) คือ โฆษณา Google Ads ที่แสดงในรูปแบบของแบนเนอร์บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google โดยจะเผยแพร่ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ผู้โฆษณาตั้งค่าไว้ตามลักษณะเฉพาะ ซึ่งนี่เป็นการทำโฆษณาที่สามารถดึงดูดความสนใจของ User ได้ดี เนื่องจากเราสามารถปรับแต่งภาพแบนเนอร์ให้มีความสวยงามและน่าสนใจมากเท่าไรก็ได้ อีกทั้งยังมีการกระจายไปในหลากหลายแพลตฟอร์มอีกด้วย

3. Google Shopping Ads

จุดประสงค์ที่เลือกได้: Sales / Lead / Website Traffic

Google Shopping Ads เป็นโฆษณา Google Ads รูปแบบใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้อย่างตรงจุด เนื่องจาก Google จะทำการแสดงภาพ “สินค้า​” พร้อม “ราคา” และรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้านั้นด้านบนของหน้า Google Search ทันทีที่มี User พิมพ์ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้านั้น ทำให้สามารถเปรียบเทียบราคาสินค้านั้น ๆ และกดเข้าซื้อได้อย่างรวดเร็ว

4. Youtube Ads

จุดประสงค์ที่เลือกได้: Sale / Lead / Website Traffic / Product & brand Consideration / Brand Awareness & Reach

Youtube Ads เป็นโฆษณาของ Google รูปแบบหนึ่งที่จะแสดงเวลาที่มีการเปิดเล่นวิดีโอต่าง ๆ ใน Youtube ไม่ว่าจะเป็นตอนต้นคลิปหรือระหว่างคลิป ซึ่งผู้ต้องการลงโฆษณาสามารถเลือกได้ว่าอยากให้ Youtube Ads ไปปรากฏที่ Channel ประเภทไหน หรือคลิปที่มียอด View สูง ๆ ซึ่งจะช่วยสร้าง Brand Awareness ที่ชัดเจนมากขึ้นได้หากเลือกชาแนลที่มีกลุ่มผู้ติดตามเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มเป้าหมาย

5. Mobile App Ads

จุดประสงค์ที่เลือกได้: App Promotion

โฆษณา Google Ads ประเภทนี้เป็นการโฆษณาที่จะแสดงแบนเนอร์หรือวิดีโอไปแสดงผลขณะที่มีการเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน เช่น แอปแต่งภาพที่ต้องให้กดดูโฆษณาก่อนถึงจะบันทึกรูปได้ หรือ เกมที่เมื่อไอเท็มหมดแล้วต้องกดดูโฆษณาเพิ่ม เหล่านี้ก็ถือเป็น Mobile App Ads ทั้งสิ้น

6. Remarketing

การทำ Remarketing เป็นการทำโฆษณาที่ยึดคติที่ว่า “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” อย่างแท้ทรู ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยเจอ นั่นคือการที่เราอยากจะได้สินค้าอะไรสักอย่าง จากนั้นก็กดค้นหาข้อมูลใน Google แต่ไม่ได้ทำการกดสั่งซื้อ อัลกอริทึมก็จะเสนอแบนเนอร์โฆษณาสินค้านั้นหรือสินค้าใกล้เคียงให้เราเห็นตลอด ทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน เรียกได้ว่าเราออนไลน์อยู่ไหน Google ก็จะพยายามนำเสนอสินค้าเย้ายวนใจให้เราได้เห็นเสมอ จนเรายอมซื้อในที่สุด นั่นทำให้การทำ Remarketing เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ด้าน Marketing ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

ข้อดีของการโฆษณา ผ่าน Google Adwords

การโฆษณา Google Ads เป็นการทำโฆษณาออนไลน์ที่ตอบโจทย์การทำธุรกิจอย่างมาก และยังมีประโยชน์อีกหลายประการ ได้แก่

• เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี (Highly Targeted)

Google Ads ช่วยคุณเลือกกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น โดยระบุตามลักษณะบุคคล, ที่ตั้ง, ความสนใจ และอื่น ๆ ทำให้โฆษณาของคุณถูกแสดงเฉพาะต่อกลุ่มคนที่คาดว่าน่าจะกลายเป็นลูกค้าได้จริง ๆ 

• ช่วยวัดผลได้แม่นยำ (Precise Measurement)

Google Ads มีเครื่องมือวัดผลที่แม่นยำ เช่น การติดตามการคลิก ยอดขาย และ ROI (กำหนดโฆษณา Google Ads ราคาตามความต้องการ ตามความคุ้มค่าในมิติการลงทุน) ซึ่งช่วยให้คุณวิเคราะห์และปรับแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

• ควบคุมงบประมาณได้ (Budget Control)

คุณสามารถควบคุมแบบสมบูรณ์ต่องบประมาณในการซื้อโฆษณา Google ได้ของคุณ เช่น สามารถกำหนดวงเงินรายวันหรือรายเดือนและปรับเพิ่มหรือลดตามความจำเป็นได้ทุกเมื่อ

• ความเร็วในการเริ่มต้น (Quick Start)

การทำโฆษณา Google Ads แตกต่างจาก SEO ธรรมดา ซึ่งการทำ Google Ads สามารถสร้างการเข้าชมไปยังเว็บไซต์หรือหน้าเพจของคุณได้ทันที ไม่ต้องรอผลลัพธ์ที่นานเหมือนกับการทำ Organic Traffic

• เพิ่มยอดขายได้จริง (Increased Sales)

การยิงโฆษณา Google Ads ช่วยเพิ่มยอดขายของสินค้าหรือบริการของคุณ โดยโปรโม9ต่อกลุ่มเป้าหมายที่ตรงจุด และเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์อีกด้วย

• ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น (Adaptability)

คุณสามารถปรับแต่งการซื้อ Google Ads ของคุณอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อสภาวะตลาดและพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างอิสระและยืดหยุ่น

• ช่วยให้ได้ส่วนแบ่งตลาด (Market Share)

การลง โฆษณา Google Adwords ช่วยให้คุณสามารถเอาชนะคู่แข่งและรับบริบทบนตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเท่าตัว

เทคนิคสร้างโฆษณา Google Adsให้มีประสิทธิภาพ

แน่นอนว่าการแข่งขันสูง ทำให้หลายธุรกิจเลือกที่จะทำทั้งSEO SEM และการยิงโฆษณา Google Ads ซึ่งหากเปรียบแล้วการแข่งขันทางการตลาดออนไลน์ก็เริ่มเข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นแล้วถ้าคุณอยากยืนอยู่เหนือคู่แข่ง การรู้เทคนิคทำโฆษณา Google Ads ให้ได้ผลจริง มีดังนี้

1. ค้นหาและเลือก Keyword ที่เหมาะสม

การเริ่มต้นทำโฆษณา Google Ads ด้วยการค้นหาและเลือก Keyword ที่เหมาะสมสำคัญมาก Keyword ควรเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณและมีความนิยมในการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย 

ตัวอย่าง Google Ads เช่น หากคุณขายรองเท้าวิ่งสีชมพูสำหรับผู้หญิง การกำหนด Keyword ว่า “รองเท้าวิ่งสีชมพู” อาจเป็นไอเดียที่ดี

2. เขียนคำโฆษณาให้น่าสนใจ

ข้อความโฆษณา (Copy Writing) ควรมีความน่าสนใจและเน้นคุณสมบัติหรือประโยชน์ของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ 

ตัวอย่างเช่น “รองเท้าวิ่งสีชมพูที่ให้ความสบายและสร้างประสิทธิภาพในการวิ่งของคุณ!”  ซึ่งมีความน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับ Keyword

(เขียนคอนเทนต์ต้องรู้: SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไรบ้าง?)

3. การจัดกลุ่ม Keyword

การจัดกลุ่ม Keyword ที่เหมาะสมช่วยให้คุณสามารถจัดการแคมเปญ Google Ads ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ตัวอย่างเช่น Keyword  “รองเท้าวิ่ง” และ “รองเท้าวิ่งผู้หญิง” ควรถูกจัดเป็นกลุ่มคำหลักแยกกันต่างหาก

4. เลือกเป้าหมายให้ชัดเจน

การเลือกเป้าหมายที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการทำโฆษณา Google Ads โดยคุณสามารถใช้การเลือกเป้าหมาย เช่น ที่ตั้ง, อายุ, เพศ, ความสนใจ และอื่น ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง 

ตัวอย่างเช่น หากคุณขายรองเท้าวิ่งสีชมพูสำหรับผู้หญิงที่อายุ 25-40 ปีที่มีความสนใจในการออกกำลังกาย คุณสามารถเลือกเป้าหมายเหล่านี้และตั้งเป้าหมายการยิง Google Ads ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายนี้

5. On-Page Site ที่มีประสิทธิภาพ

On-Page Site ควรเป็นเว็บไซต์หรือหน้าเพจที่เชื่อมโยงกับข้อความโฆษณาและมีเนื้อหาที่น่าสนใจและชัดเจน ซึ่งควรให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอของคุณ

ตัวอย่างเช่น หากคุณโฆษณารองเท้าวิ่งสีชมพู On-Page Site ควรแสดงข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าวิ่งสีชมพูและข้อมูลการสั่งซื้ออย่างชัดเจน ครบถ้วน และโดดเด่น

6. ติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์

การติดตามและวิเคราะห์ผลการแคมเปญ Google Ads ที่คุณดำเนินการเป็นสิ่งสำคัญ ใช้ระบบติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของ User และปรับแคมเปญตามไปด้วย โดยคุณสามารถใช้ Google Analytics เพื่อรายงานการคลิกและการแปลงจากแคมเปญ Google Ads เพื่อเข้าใจการทำงานของแคมเปญมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ใช้ Google Analytics เพื่อติดตามจำนวนคลิกบนลิงก์ของแคมเปญ Google Ads รวมถึงยอดการขายสินค้า

7. รับคำแนะนำจาก User

รับรู้จากความคิดเห็นและความพึงพอใจของผู้ใช้ ปรับปรุงแคมเปญตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยสามารถจัดแบบสำรวจหรือรับความคิดเห็นจากผู้ใช้เพื่อปรับแคมเปญให้เหมาะสมผ่านการทำ Social Listening

ตัวอย่างเช่น รับความคิดเห็นจาก User เกี่ยวกับประสิทธิภาพของแคมเปญและปรับปรุงตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

8. ทำ Content Marketing

สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณค่าสำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เนื้อหาที่มีคุณค่า (Value Content) นี้จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจของแคมเปญของคุณและเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้เข้าใจและโต้ตอบต่อโฆษณาของคุณได้ดีขึ้นเปรียบได้กับการเป็นิวิธีลงโฆษณา Google ฟรี ที่ทรงพลังอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น สร้างบทความเกี่ยวกับการเลือกรองเท้าวิ่งที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงและแนะนำสไตล์การใช้งาน จะเป็นการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงแบรนด์ของคุณได้ดีขึ้น

(อยากเป็นธุรกิจระดับแนวหน้า ห้ามพลาด! : 12 Content Marketing ฉบับใช้จริงทำให้แบรนด์ธุรกิจติด Top)

นอกจากเทคนิคต่าง ๆ แล้วการทำ Smart Lean Planning คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายนั้นได้ ด้วยขั้นตอนดังนี้

📌วางแผน (Strategy) → ดำเนินการยิง Ad (Process) → วัดผลลัพธ์ (Measure)

เลยได้มารู้ว่า ปัญหาของคนยิง Google Ads ไม่รุ่ง มันผิดตั้งแต่ตอนวาง Strategy แล้ว ❗️ ❗️

ถ้าคุณเริ่มสร้างยอดขายผ่านทาง Google Ads ได้คุณจะเริ่มพบว่า
✅ Google Ads เข้าใจง่าย
✅ ไม่จำเป็นต้องใช้งบเยอะ
✅ ค่าโฆษณาถูกมาก
✅ สามารถคาดการกำไรได้
✅ ไม่ต้องคุยกับลูกค้าเยอะก็สร้างยอดขายง่าย
✅ ได้ Conversion ที่ดีกว่า
✅ ไม่ต้องปวดหัวสร้าง Content เพื่อยิงโฆษณาทุกวัน
✅ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนปิดบัญชี และอื่น ๆ อีกหลายเหตุผล

📍 ทุกอย่างเริ่มต้นจากกระบวนการแรกก็คือการวาง Strategy 🔥 🔥

จะกำไรหรือขาดทุนทุกอย่างมันเริ่มต้นบนกระดาษ

📌 ดังนั้นสรุปได้ว่าก่อนที่คุณจะขยายตลาดผ่าน Google นั้นมันต้องวาง Strategy ให้ถูกก่อน🔥 แล้วผลลัพธ์ที่ดีจะตามมาแน่นอน✔️✔️

แล้วถ้าไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำ Google Ads จะไปวางแผนได้ยังไง❓❓

การวางแผนต้องใช้ผู้มีประสบการณ์ในการช่วยเพื่อให้แผนการออกมาได้อย่างถูกต้อง

📌 วันนี้หากคุณต้องการที่จะขยายธุรกิจของคุณทาง Google คุณต้องมีใครสักคนที่ช่วยคุณวางแผนตั้งแต่ต้นและเราสามารถช่วยคุณได้

✔️ด้วยประสบการณ์ไม่มากไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหารเสริม สินค้าบริการ ธุรกิจ B2B ร้านค้า E-commerce โรงงาน ผลลัพธ์ทั้งยอดขายและ Lead >>ติดต่อ Google ads

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)