SEO Audit คืออะไร เช็กยังไงให้เว็บสมบูรณ์แบบมากที่สุด
การทำ SEO Audit คือ ขั้นตอนสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม! ถ้าคุณอยากทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา เพราะ SEO Audit คือกระบวนการตรวจสอบเว็บไซต์ของเราว่ามีความเหมาะสมกับการทำ SEO หรือไม่ โดยครอบคลุมทั้งโครงสร้างเว็บไซต์ เนื้อหา และประสิทธิภาพของเว็บไซต์
อยากรู้วิธีทำ SEO Audit ยังไงให้เว็บสมบูรณ์แบบมากที่สุด? มาอ่านต่อกันได้เลย
SEO Audit คืออะไร?
SEO Audit คือ การเช็กสุขภาพเว็บไซต์ เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของเรามีปัญหาอะไรบ้างที่อาจส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google
เหมือนเวลาที่เราไปหาหมอตรวจสุขภาพ หมอก็จะตรวจร่างกายเราทุกส่วน เพื่อหาจุดไหนที่ผิดปกติและควรได้รับการรักษา SEO Audit ก็จะตรวจเว็บไซต์ของเราทุกส่วนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างทางเทคนิคของเว็บไซต์ เนื้อหาของเว็บไซต์ และประสิทธิภาพของเว็บไซต์
ถ้าเรารู้ปัญหาของเว็บไซต์ เราก็จะสามารถแก้ไขได้ ทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา (SERP) ได้
ตัวอย่างปัญหาที่อาจพบได้ใน SEO Audit
- โครงสร้างเว็บไซต์ไม่เหมาะสมกับ SEO
- เนื้อหาไม่มีคุณภาพ
- เว็บไซต์โหลดช้า
SEO Audit สำคัญยังไง?
เราต้องเช็ก SEO Audit เป็นประจำ เพราะจะช่วยให้เราเข้าใจปัญหาของเว็บไซต์ และปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาได้ (SERP)
ความสำคัญของการทำ SEO Audit มีดังนี้
- ช่วยให้เข้าใจปัญหาของเว็บไซต์
SEO Audit จะช่วยเราระบุปัญหาของเว็บไซต์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างทางเทคนิคของเว็บไซต์ เนื้อหาของเว็บไซต์ และประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เมื่อเรารู้ปัญหาแล้ว เราก็จะสามารถแก้ไขได้
- ช่วยให้ทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำ SEO Audit จะช่วยให้เราเข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ เมื่อเราเข้าใจปัจจัยเหล่านี้แล้ว เราก็จะสามารถวางแผนและดำเนินการ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
- ช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับต้น ๆ
การปรับปรุงเว็บไซต์ตามผลการวิเคราะห์ของ SEO Audit จะทำให้เว็บไซต์ของเราดึงดูดผู้เข้าชมที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ได้มากขึ้น
SEO Audit เหมาะกับคอนเทนต์แบบไหน?
SEO Audit เหมาะกับคอนเทนต์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่เน้นการค้นหา (Search-driven content) หรือคอนเทนต์ที่เน้นการมีส่วนร่วม (Engagement-driven content)
สำหรับคอนเทนต์ที่เน้นการค้นหา การทำ SEO Audit จะช่วยให้คอนเทนต์ของเราถูกค้นหาพบได้ง่ายขึ้น โดยการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับของ Google เช่น โครงสร้างเว็บไซต์ เนื้อหาของเว็บไซต์ และประสิทธิภาพของเว็บไซต์
สำหรับคอนเทนต์ที่เน้นการมีส่วนร่วม การทำ SEO Audit จะช่วยให้คอนเทนต์ของเราดึงดูดผู้เข้าชมให้อ่านต่อและมีส่วนร่วมมากขึ้น
กลยุทธ์ seo คือ การปรับปรุงจุดไหนบ้าง?
seo audit checklist พื้นฐานที่แต่ละเว็บที่ควรมี มีดังต่อไปนี้
โครงสร้างทางเทคนิคของเว็บไซต์
[โครงสร้างเว็บไซต์]
- โครงสร้างเว็บไซต์ควรเป็นแบบต้นไม้ (Tree Structure) เพื่อให้ Google สามารถสแกนเว็บไซต์ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เว็บไซต์ควรมี Internal Link ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าอื่น ๆ ของเว็บไซต์
- เว็บไซต์ไม่ควรมีหน้าว่างมากเกินไป เพราะจะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพต่ำ
- ควรมี SSL เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน
เนื้อหาของเว็บไซต์
[คุณภาพของเนื้อหา]
- เนื้อหาควรมีคุณภาพสูง เพื่อให้ผู้เข้าชมสนใจและอยากอ่านต่อ
- เนื้อหาควรเกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่เป้าหมายของเราต้องการ
- เนื้อหาไม่ควรซ้ำกับเว็บไซต์อื่น ๆ เพราะอาจทำให้ Google SEO Audit มองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพต่ำ
[โครงสร้างของเนื้อหา]
- ควรมีหัวข้อย่อย เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
- ควรมีภาพประกอบ เพื่อให้เนื้อหาน่าสนใจยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพของเว็บไซต์
[ความเร็วของเว็บไซต์]
- เว็บไซต์ควรโหลดได้เร็วเพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้อย่างรวดเร็ว
- ไม่ควรมีปลั๊กอินมากเกินไป เพราะอาจทำให้เว็บไซต์โหลดช้าลง
(เช็กความเร็วเว็บด้วยตัวเอง ได้เลย: ขั้นตอนการเช็กความเร็วเว็บ แบบง่าย ๆ)
[การใช้งานของเว็บไซต์]
- ไม่ควรมี External Link มากเกินไป เพราะอาจทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเราเป็น spam ได้
ขั้นตอนการทำ SEO On-site audit คือ
1. รวบรวมข้อมูลพื้นฐานของเว็บไซต์
ขั้นตอนแรกคือรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น ชื่อเว็บไซต์ URL โครงสร้างเว็บไซต์ จำนวนหน้าเว็บไซต์ ประเภทเนื้อหา เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์โดยรวมได้ชัดขึ้น
ตัวอย่างเช่น
สมมติว่าเรามีเว็บไซต์เกี่ยวกับอาหารไทย เราจะรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของเว็บไซต์ดังนี้
- ชื่อเว็บไซต์: ครัวบ้านไทย
- URL: https://www.ครัวบ้านไทย.com
- โครงสร้างเว็บไซต์: เว็บไซต์มีโครงสร้างแบบต้นไม้ (Tree Structure)
- จำนวนหน้าเว็บไซต์: 100 หน้า
- ประเภทเนื้อหา: บทความเกี่ยวกับอาหารไทย
2. วิเคราะห์โครงสร้างทางเทคนิคของเว็บไซต์
ขั้นตอนนี้เป็นการตรวจสอบโครงสร้างทางเทคนิคของเว็บไซต์ เช่น โครงสร้างเว็บไซต์ ไฟล์และโค้ด ความปลอดภัย เป็นต้น ปัญหาที่พบในขั้นตอนนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ของเราไม่ติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา
ตัวอย่างเช่น
สำหรับการวิเคราะห์โครงสร้างทางเทคนิคของเว็บไซต์ เราสามารถตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือทำ SEO Audit เช่น Google Search Console, Ahrefs, SEMrush, Moz, Ubersuggest เป็นต้น
(มารู้จัก Google Search Console ให้มากขึ้น: Google Search Console คืออะไร)
- โครงสร้างเว็บไซต์: โครงสร้างเว็บไซต์ของเราเป็นแบบต้นไม้ (Tree Structure) ซึ่งถือว่าเหมาะสมสำหรับ SEO
- ไฟล์และโค้ด: เว็บไซต์ของเราใช้ไฟล์และโค้ดที่มีขนาดเล็ก ทำให้เว็บไซต์โหลดได้เร็ว
- ความปลอดภัย: เว็บไซต์ของเรามี SSL เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน
3. วิเคราะห์เนื้อหาของเว็บไซต์
ขั้นตอนนี้เป็นการตรวจสอบเนื้อหาของเว็บไซต์ เช่น คุณภาพของเนื้อหา โครงสร้างของเนื้อหา ประสิทธิภาพของเนื้อหา เป็นต้น ปัญหาที่พบในขั้นตอนนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ของเราไม่น่าสนใจสำหรับผู้เข้าชม
- คุณภาพของเนื้อหา: เนื้อหาของเรามีคุณภาพดี มีการเขียนที่ถูกต้อง ข้อมูลมีความทันสมัย
- โครงสร้างของเนื้อหา: เนื้อหาของเรามีหัวข้อย่อย เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
- ประสิทธิภาพของเนื้อหา: เนื้อหาของเราโหลดได้เร็ว
4. วิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์
ขั้นตอนนี้เป็นการตรวจสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เช่น ความเร็วของเว็บไซต์ การใช้งานของเว็บไซต์ เป็นต้น ปัญหาที่พบในขั้นตอนนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เข้าชมไม่พอใจกับเว็บไซต์ของเราได้นะ
ตัวอย่างเช่น
สำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เราสามารถตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือทดสอบความเร็วเว็บไซต์ เช่น WebPageTest เป็นต้น
- ความเร็วของเว็บไซต์: เว็บไซต์ของเราโหลดได้เร็ว ใช้เวลาโหลดหน้าแรกประมาณ 2 วินาที
5. สรุปผลการวิเคราะห์
ขั้นตอนสุดท้ายคือสรุปผลการวิเคราะห์และจัดทำแผนปรับปรุง แผนปรับปรุงควรระบุปัญหาที่พบและแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน
ตัวอย่างเช่น
จากการวิเคราะห์ทั้งหมด พบว่าเว็บไซต์ของเรามีโครงสร้างทางเทคนิคและเนื้อหาที่ดีอยู่แล้ว แต่ยังมีเรื่องประสิทธิภาพของเว็บไซต์ที่ควรปรับปรุง เช่น เพิ่มประสิทธิภาพของรูปภาพและวิดีโอ เพื่อทำให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น
ตัวอย่างแผนปรับปรุง:
- เพิ่มประสิทธิภาพของรูปภาพและวิดีโอ
- ทดสอบความเร็วของเว็บไซต์บนอุปกรณ์ต่าง ๆ
- ปรับปรุงการใช้งานของเว็บไซต์ให้สะดวกยิ่งขึ้น
แนะนำเครื่องมือเช็ก SEO Audit for website
สำหรับใครหลายคนที่อยากใช้เครื่องมือ SEO กับเว็บไซต์ของตัวเอง หรือกับลูกค้าก็ได้. วันนี้เรามีเครื่องมือดี ๆ มาฝาก นั่นคือเครื่องมือที่มาจาก Ahrefs และฟังก์ชันที่เราจะใช้กันคือ Site Audit และ Site Explorer
จริง ๆ แล้วฟังก์ชัน Ahrefs มีถึง 5 ฟังก์ชัน นั่นคือ
- Site Audit
- Site Explorer
- Keywords Explorer
- Content Explorer
- Rank Tracker
แต่เหตุผลที่เลือกแค่ Site Adit กับ Site Explorer ก็เพราะว่าตอนนี้ Ahrefs คือ Free seo audit tool (เหตุผลของตามหัวข้อ) ดังนั้นใครสนใจฟังก์ชันทั้งหมดของ Ahrefs ในตอนนี้ยังมีเปิดให้ทดลองใช้ 7 วัน โดยจ่ายแค่ $7 ด้วยนะ (เกิน 7 วันจะเก็บค่าใช้จ่ายรายเดือน)
เรามาดูกันครับว่า 2 ฟังก์ชันที่พูดถึง สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
Site Audit
ฟังก์ชัน Site Audit คือ การตรวจเช็กคุณภาพ และสุขภาพของเว็บไซต์ของเรา
โดยเราสามารถเพิ่มเว็บไซต์ของเราได้เท่านั้น เริ่มต้นควรนำเว็บไซต์ของเราเชื่อมกับ Google Search Console ให้ได้ก่อนเพราะนั่นคือปัจจัยหลักหากคุณต้องการให้เว็บไซต์ติด SEO ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและจะทำให้การเชื่อมโยงกับเครื่องมืออื่นง่ายขึ้นมาก
สำหรับใครที่ติดตั้งผ่าน GSC (Google Search Console) แล้ว สามารถเชื่อมเว็บไซต์เพื่อใช้งาน Site Audit ของ Ahrefs ได้ทันที [วิธีการ ให้กด +New Project ปุ่มสีส้มด้านบนซ้าย]
จากนั้นหากเว็บไซต์ของคุณเชื่อมกับ GSC แล้ว ให้กดปุ่ม “Import” ด้านซ้าย ลงชื่อให้เรียบร้อยแล้วเลือกโปรเจคที่จะเพิ่มเข้าไป
จากนั้นเราก็จะได้โปรเจคของเราเข้าสู่การใช้งานบน Ahrefs ให้รอสักครู่เพื่อให้ข้อมูลดึง Crawl จากเว็บไซต์มาวิเคราะห์ เพียงเท่านี้ก็เสร็จขั้นตอนการติดตั้ง
การใช้งานส่วนตัวสำหรับ Ahrefs Site Audit
สิ่งที่รู้สึกประทับใจการใช้งานมี 2 อย่าง
- อย่างแรก UI ดูสวยทันสมัย เมื่อเทียบกับโปรแกรมอื่นแล้ว Ahrefs ถือว่าทำได้ดีในแง่มุมของการออกแบบ UX/UI บางครั้งส่วนตัวเราจะเลือกที่จะส่งรีพอร์ตจาก ahrefs เพราะความสวยงามในการจัดเรียงต่าง ๆ ดูดี ดูน่าเชื่อถือ เอาไว้เวลาเร่งด่วนจริง ๆ ใช้ตัวนี้ส่งรายงานแก้ขัดได้
- มีระบบส่งรายงานมาทางอีเมล ทำให้เรารู้ Error ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ คือทั้งฟรีแล้ว แถมส่งรีพอร์ตมาให้อ่านทางเมลได้อีกด้วย
มาถึงสิ่งที่อาจยังไม่ตรงใจกันบ้าง
- ข้อมูลการแสดงผลต่างๆนั้นยังดูกว้างอยู่ ยังไม่ละเอียดพอที่จะใช้ง่าย
ยกตัวอย่างเครื่องมือปัจจุบันที่ใช้นั้น (ที่ไม่ใช่ Ahrefs) สามารถบอกละเอียดได้ว่า เพจหน้านี้ แทร็กคีย์เวิร์ดที่เราต้องการได้หรือไม่ รวมถึงหน้าเพจโหลดช้าไปหรือไม่, ไฟล์รูปไหนใหญ่เกินไปในหน้านั้น, การใส่คีย์เวิร์ดที่เราต้องการในหน้านั้นครบทุกองค์ประกอบแล้วหรือยัง คือการเช็ก Site Audit ที่ดี ควรจะช่วยเรา 2 อย่างหลัก ๆ
- เช็กสุขภาพหน้าเพจ ความเร็ว ความ Friendly ของหน้า ว่าดีหรือไม่
- เช็กคีย์เวิร์ดที่เราต้องการว่าหน้าเพจ เราใส่คีย์เวิร์ดได้ครบหรือไม่
Site Explorer
เป็นเครื่องมือที่เราใช้บ่อยมาก ๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นเครื่องมือที่สปายคู่แข่งได้ดี แต่ข่าวร้ายคือในเวอร์ชันฟรี คุณจะสามารถดูได้แค่เว็บไซต์ของคุณเท่านั้น (เสียเงินเมื่อไหร่ ถึงจะได้ดูของคนอื่น)
อย่างที่บอกว่าปกติผมจะเน้นการดูเว็บไซต์คนอื่นมากกว่า เพราะการดูเว็บไซต์ของตัวเองเราควรใช้ Google Analytics เป็นหลัก เหตุผลเพราะการใช้บน Ahrefs นั้นจะไม่สามารถดูแบบเรียลไทม์ได้ ข้อมูลที่แสดงผลนั้นจะล้าหลังจากปัจจุบัน (แต่ก็ไม่ได้มาก ยังใช้อ้างอิงได้อยู่)
สำหรับใครที่ลองติดตั้ง Google Analytics ใหม่ หลายคนจะได้ใช้ตัว GA4 แทน ซึ่งมักจะพบปัญหาในการหาโค้ด UA หากติดปัญหานี้ลองดูวิธีเปลี่ยนหาโค้ดUA จาก GA4 ดู
ตัวที่โดดเด่นคือการดู Organic Keywords ของคุณว่า SEO ของคุณเป็นอย่างไรบ้างและเช็กดูอันดับอื่น ๆ ของคู่แข่งได้ว่ามีใครที่กำลังแข่งขันใน คีย์เวิร์ดเดียวกันอยู่
การใช้งานส่วนตัวสำหรับ Ahrefs Site Explorer
อย่างที่บอกว่าเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือสปายที่โดดเด่นมาก ดังนั้นจึงเหมาะกว่าในการใช้วิเคราะห์คู่แข่ง
ส่วนการใช้กับเว็บไซต์ของเรานั้นสามารถใช้ในแง่ดู Organic Keyword และฟังก์ชันต่างๆที่ไม่ได้พูดถึงได้เช่นเดียวกัน
สรุป
ในเรื่องของการใช้งาน ทุกเครื่องมือมีโดดเด่นในแต่ละมุม ขึ้นอยู่กับเราว่าจะนำความโดดเด่นของเครื่องมือมาใช้กับงานของเราได้อย่างไรบ้าง สำหรับใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปสมัครใช้งาน Ahrefs ได้เลย
สำหรับใครที่ต้องการเรียนรู้วิธีการตรวจสอบบทความให้ถูกหลัก SEO หรือวิธีการสร้างทีม และสิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือ ทำอย่างไรหากคุณมีคีย์เวิร์ดทำเงินที่ต้องการทำอันดับ (ในขณะที่คู่แข่งสูงการเขียนบทความเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น)
ผมมี Workshop ที่ชื่อว่า Blueprint SEO (รับจำนวนจำกัดต่อรอบ) สนใจดูรายละเอียด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
การทำ SEO audit ใช้เวลานานไหม?
อยากทำ SEO audit เริ่มอย่างไร?
– เลือกเครื่องมือทำ SEO audit ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ของเรา
– เริ่มต้นวิเคราะห์เว็บไซต์ตามขั้นตอน
– สรุปผลการวิเคราะห์และจัดทำแผนปรับปรุง