Description คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ? เขียนยังไงให้ติดอับดับ SEO

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลมีการสร้างและแชร์อย่างรวดเร็ว “Description” หรือ “คำอธิบาย” กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเนื้อหาทางออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงความหมายของ Description, ความสำคัญของมัน และวิธีการเขียนให้เหมาะสมเพื่อให้ติดอันดับ SEO

การมี description ที่ดีนั้นช่วยให้ผู้รับข้อมูลเข้าใจได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถสร้างความสนใจและดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้มากขึ้น Description ที่มีประสิทธิภาพยังสามารถช่วยให้สินค้า บริการ หรือเนื้อหานั้น ๆ มีความน่าสนใจมากขึ้น และทำให้ผู้คนรู้สึกอยากค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม

Description คืออะไร?

Description หรือการอธิบาย คือกระบวนการในการสื่อสารข้อมูลหรือคุณลักษณะของสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างชัดเจนและละเอียด การให้ข้อมูลที่เข้าใจง่ายในการอธิบายสิ่งต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญในหลายด้าน รวมถึงการเขียนบทความ การสร้างเนื้อหา การทำโฆษณา และแม้กระทั่งในการสื่อสารทั่วไป

วิธีเขียน Meta Description

Meta Description เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการทำ SEO และการดึงดูดผู้ใช้ให้เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ โดยที่ Meta Description จะแสดงอยู่ใต้ชื่อเว็บไซต์ในผลลัพธ์การค้นหา (SERP) เพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่าเนื้อหาของหน้าดังกล่าวเกี่ยวกับอะไร โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นการเขียน Meta Description ที่ดีจึงเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม ต่อไปนี้คือขั้นตอนและเทคนิคในการเขียน Meta Description ที่มีประสิทธิภาพ

1. ทำให้กระชับและชัดเจน

Meta Description ควรมีความยาวประมาณ 150-160 ตัวอักษร เพื่อให้แสดงผลทั้งหมดในผลลัพธ์ค้นหา โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและชัดเจน สื่อถึงเนื้อหาของหน้าหรือบทความนั้น ๆ ให้ชัดเจนที่สุด

2. ใส่คำสำคัญ (Keywords)

การใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องใน Meta Description ช่วยเพิ่มโอกาสที่ผู้ค้นหาจะคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ ควรใส่คำสำคัญที่เป็นที่นิยมและตรงกับเนื้อหาที่คุณเขียน แต่อย่าใส่มากเกินไปจนดูไม่เป็นธรรมชาติ

3. สร้างความน่าสนใจ

Meta Description ที่น่าสนใจจะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้ คุณสามารถใช้คำกระตุ้น (Call to action) เช่น “เรียนรู้เพิ่มเติม”, “คลิกที่นี่” หรือ “รับส่วนลดพิเศษ” เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าชมมีความสนใจ

4. อธิบายเป็นเอกลักษณ์

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Meta Description แบบเดียวกันในหลายหน้า เนื่องจากแต่ละหน้าควรมีการอธิบายที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับผู้ใช้และเครื่องมือการค้นหา

5. ทดสอบและปรับปรุง

หลังจากเขียน Meta Description คุณสามารถทดสอบผลลัพธ์ที่ได้ โดยดูการคลิก (Click-through rate) ถ้าผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ คุณควรปรับปรุงและอัพเดต Meta Description ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด

ถ้าไม่ใส่ Description จะเป็นอย่างไร

การไม่ใส่ Description หรือการอธิบายข้อมูลอาจมีผลกระทบต่อหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการมองเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้ชม ด้านล่างนี้คือผลกระทบหลัก ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

  1. สูญเสียโอกาสในการดึงดูดความสนใจ
    หากไม่มี Description ที่ชัดเจนและดึงดูด ผู้ค้นหาอาจไม่รู้ว่าคุณเสนออะไร ซึ่งอาจส่งผลให้พวกเขาไม่คลิกเข้าเว็บไซต์ของคุณเมื่อเห็นในผลลัพธ์การค้นหา
  2. ลดการมีส่วนร่วมจากผู้ใช้
    Description ที่มีคุณภาพสามารถกระตุ้นให้ผู้เข้าชมทำกิจกรรมบนเว็บไซต์ เช่น การลงทะเบียน การซื้อสินค้า หรือการอ่านเนื้อหาที่สำคัญ แต่ถ้าไม่มี Description ที่น่าสนใจ ผู้ใช้อาจจะผ่านไปยังเว็บไซต์อื่น
  3. ผลกระทบต่อ SEO
    Search engines ใช้ Meta Description เพื่อช่วยในการจัดอันดับเว็บไซต์ หากไม่ระบุ Description หรือทำให้มันน่าสนใจน้อยลง จะทำให้คุณสูญเสียโอกาสในการปรับอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา
  4. สร้างความสับสนให้กับผู้ใช้
    การไม่มี Description ที่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกสับสน ไม่แน่ใจว่าเนื้อหานั้นเกี่ยวข้องกับความต้องการของพวกเขาหรือไม่ นั่นอาจทำให้พวกเขาเลือกที่จะไม่เข้าเว็บไซต์ของคุณ
  5. ลดความน่าเชื่อถือ
    เว็บไซต์ที่ไม่มี Description หรือข้อมูลที่มีคุณภาพอาจถูกมองว่าขาดความน่าเชื่อถือ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ชอบเว็บไซต์ที่มีการจัดการและบอกข้อมูลได้อย่างชัดเจน

ข้อควรระวังการเขียน Description

การเขียน Description มีความสำคัญต่อการดึงดูดผู้เข้าชมและการจัดอันดับ SEO แต่มีบางสิ่งที่ควรระวังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนี้

  1. ไม่ให้ยาวเกินไป
    ควรหลีกเลี่ยงการเขียน Description ที่ยาวหรือซับซ้อน ควรมีความยาวที่เหมาะสม โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 150-160 ตัวอักษร เพื่อที่จะไม่ถูกตัดทอนเมื่อแสดงในผลการค้นหา
  2. หลีกเลี่ยงการใช้คำสำคัญมากเกินไป (Keyword Stuffing)
    การใส่คำสำคัญมากเกินไปอาจทำให้ Meta Description ดูไม่เป็นธรรมชาติ และสามารถทำให้ Google ลดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้ ควรใช้อย่างพอเหมาะเพื่อให้มันฟังดูเป็นธรรมชาติ
  3. ไม่ควรโฆษณาเฉพาะเจาะจงเกินไป
    แม้การใช้คำกระตุ้นจะทำให้ผู้เข้าชมสนใจ แต่การโฆษณาแบบเกินจริงอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกผิดหวังเมื่อเข้ามาดูเนื้อหาจริง ควรรักษาความซื่อสัตย์ให้กับผู้เข้าชม
  4. เขียนให้เห็นคุณค่าจริง
    ควรสื่อสารว่าจะได้รับอะไรจากการเข้าเว็บไซต์ของคุณอย่างชัดเจน เช่น สาระที่น่าสนใจ บริการที่ยอดเยี่ยม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
  5. อัพเดตเมื่อจำเป็น
    ไม่ควรทิ้ง Description ที่เขียนไว้นาน ๆ โดยไม่ทำการปรับปรุง เพราะเนื้อหาที่เป็นปัจจุบันสามารถเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้เข้าชมใหม่
  6. พิจารณาการแข่งขัน
    ควรศึกษา Meta Description ของคู่แข่งเพื่อให้เข้าใจว่าพวกเขามีวิธีการเขียนอย่างไร และนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณ

หากต้องการทำ SEO หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ SEO สอบถามรายละเอียดฟรี!! กับ FUNNEL 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ description คืออะไร

สามารถใช้คีย์เวิร์ดใน Meta Description ได้หรือไม่?

ได้ ควรใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องใน Meta Description แต่ควรใช้ในแบบที่เป็นธรรมชาติและไม่ยัดเยียดเกินไป เพื่อให้ข้อความน่าสนใจและอ่านง่าย

Meta Description ต่างจาก Meta Title อย่างไร?


Meta Title เป็นชื่อของหน้าเว็บที่ปรากฏในผลการค้นหาและเบราว์เซอร์ ส่วน Meta Description เป็นข้อความอธิบายเนื้อหาที่อยู่ใต้ Meta Title ซึ่งใช้ดึงดูดให้ผู้ใช้งานคลิกเข้าสู่เว็บไซต์

Meta Title เป็นชื่อของหน้าเว็บที่ปรากฏในผลการค้นหาและเบราว์เซอร์ ส่วน Meta Description เป็นข้อความอธิบายเนื้อหาที่อยู่ใต้ Meta Title ซึ่งใช้ดึงดูดให้ผู้ใช้งานคลิกเข้าสู่เว็บไซต์


Meta Title เป็นชื่อของหน้าเว็บที่ปรากฏในผลการค้นหาและเบราว์เซอร์ ส่วน Meta Description เป็นข้อความอธิบายเนื้อหาที่อยู่ใต้ Meta Title ซึ่งใช้ดึงดูดให้ผู้ใช้งานคลิกเข้าสู่เว็บไซต์

Similar Posts