ตัวชี้วัดเว็บไซต์ Bounce rate คืออะไร ? แบบไหนถึงดี !

ในยุคดิจิทัลที่การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ การเข้าใจ Bounce Rate หรือ อัตราการตีกลับ เป็นสิ่งที่นักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ไม่ควรมองข้าม Bounce Rate หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมที่เข้ามาในเว็บไซต์แล้วออกไปโดยไม่ทำการเข้าชมหน้าถัดไป ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงความน่าสนใจและคุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ได้

ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า Bounce Rate คืออะไร มีวิธีการคำนวณอย่างไร และแบบไหนถึงจะถือว่าดีสำหรับเว็บไซต์ของคุณ พร้อมทั้งข้อแนะนำในการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าชมเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น

Bounce Rate คืออะไร

Bounce Rate คือ อัตราส่วนที่แสดงถึงจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เข้ามาเพียงหน้าเดียวแล้วออกไป โดยไม่ทำการดูหน้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์นั้น ๆ ตัวเลขนี้จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ และสามารถบ่งบอกถึงความน่าสนใจของเนื้อหา รวมถึงประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชม หาก Bounce Rate สูงเกินไป อาจแสดงให้เห็นว่าเนื้อหาไม่ตรงตามความคาดหวังของผู้ใช้งานหรือการออกแบบเว็บไซต์อาจไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้

การเข้าใจ Bounce Rate จะช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างเว็บเพื่อให้เข้ากับความต้องการของผู้เข้าชมได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการตลาดออนไลน์และสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานในเว็บไซต์ของตน

Bounce Rate เท่าไหร่ถึงจะดี

การประเมินว่า Bounce Rate เท่าไหร่ถึงจะถือว่าดีขึ้นอยู่กับประเภทของเว็บไซต์และเป้าหมายการตลาดที่ต้องการ ซึ่งในทั่วไป อัตราการตีกลับที่ต่ำกว่า 40% อาจถือว่าดีมาก ในช่วง 40-60% ถือว่าปานกลาง และถ้าเกิน 60% มักหมายถึงมีสัญญาณที่ต้องปรับปรุง

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ประเภทต่าง ๆ อาจมี Bounce Rate ที่แตกต่างกันไป เช่น:

  • เว็บไซต์ข่าวสารหรือบทความ bounce rate คือค่าประมาณ 60-80% เนื่องจากผู้เข้าชมมักจะเข้ามาอ่านเนื้อหาบทความและออกไป
  • เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ: Bounce Rate ที่ดีควรต่ำกว่า 40-50% เพราะการเข้าชมควรนำไปสู่การซื้อสินค้าหรือทำยอดขาย
  • เว็บไซต์บริการ: Bounce Rate ที่ต่ำกว่า 50% จะถือว่าดี เพราะผู้เข้าชมมักจะต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการที่เสนอ

วิธีคำนวณหาค่า Bounce Rate

การคำนวณค่า Bounce คือขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก สามารถทำได้โดยใช้สูตรง่าย ๆ ดังนี้:

สูตรการคำนวณ

[ \text{Bounce Rate} = \left( \frac{\text{จำนวนผู้เข้าชมที่เข้ามาแล้วออก} }{\text{จำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด}} \right) \times 100 ]

ตัวอย่างการคำนวณ

สมมุติว่าเว็บไซต์ของคุณมีผู้เข้าชมรวม 1,000 คน และมีผู้เข้าชมที่ออกจากเว็บไซต์ไปโดยที่ไม่เข้าไปดูหน้าถัดไป 400 คน การคำนวณจะเป็นดังนี้:

[ \text{Bounce Rate} = \left( \frac{4001,000} \right) \times 100 = 40% ]

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า Bounce Rate อยู่ที่ 40% ซึ่งถือว่าดีตามมาตรฐานทั่วไป

เครื่องมือที่ช่วยในการตรวจสอบ

เพื่อให้งานติดตามค่า Bounce Rate สะดวกมากยิ่งขึ้น นักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์สามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บต่าง ๆ เช่น Google Analytics ซึ่งจะช่วยให้เห็นข้อมูลต่าง ๆ รวมถึง Bounce Rate อย่างละเอียดและมีประโยชน์ในการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์ต่อไป

เทคนิคปรับลดค่า Bounce Rate ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

การลดค่า Bounce คือเรื่องสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าชม นี่คือเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการปรับลดค่า Bounce Rate ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี:

1. ปรับปรุงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพ

การมีเนื้อหาที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้เข้าชมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พยายามทำให้มั่นใจว่าเนื้อหาของคุณมีคุณภาพ ควรมีการอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ และตอบโจทย์ปัญหาหรือคำถามของผู้เข้าชม

2. ออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย

การออกแบบเว็บไซต์ควรให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวก การจัดวางข้อมูลให้มีระเบียบและสามารถเข้าถึงได้ง่าย จะช่วยลดอัตราการตีกลับได้ นอกจากนี้ ให้แน่ใจว่าเว็บไซต์รองรับการแสดงผลบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile-Friendly)

3. ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์

เว็บไซต์ที่โหลดช้าเกินไปสามารถทำให้ผู้เข้าชมหลุดออกจากไปได้อย่างรวดเร็ว ตรวจสอบและปรับปรุงความเร็วการโหลดของเว็บไซต์ โดยใช้เทคโนโลยีในการบีบอัดรูปภาพหรือใช้ CDN (Content Delivery Network)

4. ใช้การเชื่อมโยงภายใน (Internal Linking)

การใช้การเชื่อมโยงภายในช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมภายในเว็บไซต์ของคุณ นี่จะช่วยเพิ่มระยะเวลาที่ผู้ใช้อยู่บนเว็บไซต์และลด Bounce Rate ได้

5. เพิ่ม Call to Action (CTA)

มั่นใจว่ามีปุ่มเรียกร้องการกระทำ (CTA) ที่ชัดเจน เช่น “อ่านเพิ่มเติม” หรือ “ลองดูผลิตภัณฑ์ของเรา” เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าชมมีปฏิสัมพันธ์มากยิ่งขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณ

6. ตรวจสอบและปรับปรุงฟอร์ม

หากเว็บไซต์ของคุณมีฟอร์มให้กรอก เช่น ฟอร์มลงทะเบียนหรือฟอร์มติดต่อ ควรทำให้ฟอร์มเหล่านั้นเข้าใจง่ายและมีเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อลดความยุ่งยากในการกรอก

7. วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งาน

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อดูว่าผู้เข้าชมมีพฤติกรรมอย่างไรบนเว็บไซต์ เช่น หน้าไหนที่มีการออกบ่อยที่สุด จากนั้นทำการปรับปรุงเนื้อหาหรือโครงสร้างในหน้าที่มี Bounce Rate สูง

Bounce Rate VS. Exit Rate ต่างกันอย่างไร

ในโลกของการวิเคราะห์เว็บไซต์ มักจะมีคำสองคำที่ผู้ดูแลเว็บไซต์ควรทราบคือ “Bounce Rate” และ “Exit Rate” ซึ่งถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเกี่ยวข้องกับการทิ้งเว็บไซต์ แต่มีความหมายและการใช้งานที่แตกต่างกัน

1. Bounce Rate

Bounce คือเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมที่เข้าชมเว็บไซต์แล้วออกจากไปโดยไม่มีการโต้ตอบใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคลิกไปยังหน้าอื่น ๆ หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ บนเว็บไซต์โดยทั่วไปถือว่าเป็นการออกจากเว็บไซต์ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งจะบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของหน้าเว็บในการสร้างความสนใจและรักษาผู้เข้าชมไว้

2. Exit Rate

ในทางกลับกัน, Exit Rate คือ เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมที่ออกจากหน้าเว็บหนึ่ง ๆ หลังจากที่พวกเขาได้เยี่ยมชมหน้านั้นหรือหลาย ๆ หน้าในเว็บไซต์ บ่งบอกถึงว่าผู้เข้าชมได้เยี่ยมชมเนื้อหามากมายบนเว็บไซต์แต่ยังเลือกที่จะออกจากเว็บไซต์นั้นในจุดๆหนึ่ง

3. ความแตกต่างที่สำคัญ

  • Bounce Rate จะมุ่งเน้นไปที่การวัดการออกจากหน้าเว็บเดียวเท่านั้น ในขณะที่ Exit Rate สามารถวัดการออกจากหน้าเว็บได้จากหลายหน้า
  • Bounce Rate สูงอาจบ่งบอกถึงปัญหาในประสิทธิภาพของเนื้อหาหรือการออกแบบเว็บไซต์ ในขณะที่ Exit Rate สูงอาจบ่งบอกว่าผู้เข้าชมได้เสร็จสิ้นการใช้งานเว็บไซต์ แต่ไม่รู้สึกจำเป็นต้องอยู่ต่อ

4. สรุป

การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Bounce Rate และ Exit Rate สามารถช่วยให้ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น ผู้ดูแลควรรู้ว่าอัตราไหนควรให้ความสนใจและวิเคราะห์ พร้อมปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามความเหมาะสมเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมจากผู้เข้าชมเว็บไซต์ในที่สุด

หากต้องการทำ SEO หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ SEO สอบถามรายละเอียดฟรี!! กับ FUNNEL

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ bounce rate คือ

Bounce Rate สูงแสดงถึงปัญหาหรือไม่?

โดยปกติถ้า Bounce Rate สูงเกินไป อาจบ่งบอกว่าเนื้อหาของเว็บไซต์ไม่ตรงตามความต้องการของผู้เยี่ยมชม หรือการออกแบบเว็บไซต์ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่สะดวก

เครื่องมือไหนบ้างที่ใช้วัด Bounce Rate?

สามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์เช่น Google Analytics ที่มีฟีเจอร์ในการวัด Bounce Rate และช่วยให้คุณสามารถติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายขึ้น

จะปรับปรุง Bounce Rate ได้อย่างไร?

ปรับปรุงคุณภาพเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ชม เพิ่มลิงก์ไปยังหน้าถัดไป ปรับปรุงการออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย ตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้า

Similar Posts