SEO เว็บไซต์ขายของคืออะไร เทคนิคทำ Website E-Commerce ให้ปัง

หากคุณทำธุรกิจออนไลน์  เว็บไซต์ E-commerce จึงเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ แต่การทำเว็บไซต์ขายของให้ติดหน้าแรกไม่ใช่เรื่องง่าย การทำ SEO เว็บไซต์ขายของ ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่จะช่วยสร้างเว็บไซต์ขายของของคุณให้พบเห็นได้ง่ายและเป็นที่รู้จักมากขึ้น วันนี้จึงจะมาแชร์เทคนิคการทำ SEO สำหรับเว็บอีคอมเมิร์ซ  พร้อมชี้เป้าเอเจนซี่รับทำSEO เว็บไซต์ขายของ ช่วย Website E-Commerce ของคุณให้ปัง

SEO เว็บไซต์ขายของคืออะไร?

SEO คือ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ขายสินค้าบน Google โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา เป้าหมายคือเพื่อดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์และซื้อสินค้า

ประโยชน์ของการทำ SEO เว็บไซต์ขายของ

• เพิ่มยอดขาย การทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกของ Google เมื่อลูกค้าค้นหาสินค้าที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้มีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น
• สร้างแบรนด์  SEO ช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือมากขึ้น
• ประหยัดค่าโฆษณา
• เพิ่ม Traffic SEO ช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เป็น Organic Traffic ซึ่งมีโอกาสซื้อสินค้ามากกว่า

E-commerce website คือ

เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (E-commerce website)  หรือเรียกอีกอย่างว่า ร้านค้าออนไลน์  คือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ในการค้าขายสินค้าหรือบริการบนโลกออนไลน์ เป็นเหมือนหน้าร้านเสมือนจริง ที่สามารถเปิดรับลูกค้าได้ทั่วโลก ตลอด 24 ชั่วโมง  จุดเด่นของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ คือ ความสะดวก รวดเร็วในการเลือกซื้อสินค้า  โดยมีระบบต่างๆ เพื่อรองรับการสั่งซื้อสินค้า เช่น

• ระบบจัดการสินค้า แสดงรายละเอียดสินค้า ราคา รูปภาพ
• ระบบตะกร้าสินค้า ให้ลูกค้าเลือกสินค้าที่ต้องการซื้อ
• ระบบการชำระเงิน รองรับช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย
• ระบบจัดการคำสั่งซื้อ ติดตามสถานะการจัดส่งสินค้า

นอกจากนี้ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซบางเว็บไซต์ อาจจะมีระบบอื่นๆเพิ่มเติม  เช่น ระบบสมาชิก  ระบบคูปองส่วนลด  ระบบรีวิวสินค้า  เป็นต้น

ตัวอย่างเว็บขายสินค้า (e-commerce) ยอดนิยมในประเทศไทย เช่น 

1. Lazada

Lazada เป็นเว็บไซต์ e-commerce ยอดนิยมอันดับ 1 ในประเทศไทย เป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท โปรโมชั่นและส่วนลดมากมาย บริการจัดส่งสินค้ารวดเร็ว และระบบชำระเงินที่ปลอดภัย Lazada กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าออนไลน์

2. Shopee

Shopee เป็นเว็บไซต์ e-commerce ยอดนิยมอันดับ 2 ในประเทศไทย นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท เช่น สินค้าแฟชั่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าสำหรับบ้านและสวน เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น อาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย Shopee มีโปรโมชั่นและส่วนลดมากมาย บริการจัดส่งสินค้ารวดเร็ว และมีระบบชำระเงินที่ปลอดภัย

SEO ดีต่อ เว็บ E-commerce อย่างไร

Search Engine Optimization (SEO) เป็นเทคนิคการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ บนหน้าผลการค้นหา (SERP) ของ Search Engine ของ Google SEO เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับเว็บอีคอมเมิร์ซ ที่ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ เพิ่มโอกาสในการขายสินค้า สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ และประหยัดงบค่าโฆษณา ดังนี้ 

1. เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์

เมื่อเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซติดอันดับต้นๆ บน SERP ย่อมมีโอกาสปรากฏเว็บไซต์ต่อสายตาผู้ใช้งานง่าย ส่งผลให้มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น

2. เพิ่มโอกาสในการขายสินค้า

เมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น ย่อมมีโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้ามากขึ้น

3. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์

เว็บไซต์ที่ติดอันดับต้นๆ บน SERP แสดงว่าเว็บไซต์นั้นมีความน่าเชื่อถือ

4. ประหยัดงบค่าโฆษณา

เมื่อเว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ บน SERP โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา

5. เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

SEO ช่วยให้เว็บไซต์เข้าถึงผู้ใช้งานที่ค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง

เทคนิคการทำ SEO สำหรับเว็บอีคอมเมิร์ซ ทำเว็บไซต์ขายของ มีอะไรบ้าง

1. Keyword Research

หัวใจสำคัญของการทำ SEO คือ การเลือก Keyword ที่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นคำหรือวลีที่ผู้ใช้ป้อนลงใน Search Engine เพื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการหรือเป็นสิ่งที่บอกว่าผู้ใช้ต้องการหาอะไรที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ ดังนั้น การทำ SEO ทุกครั้ง ควรทำการค้นหา Keyword ที่เหมาะสมกับเนื้อหาเว็บไซต์ โดยต้องเลือก Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ เลือก Keyword ที่มีปริมาณการค้นหาสูงแต่การแข่งขันต่ำ

2. ทำ SEO On-page ที่ดี

การทำ SEO on-page จะต้องเข้าใจการทำงานและ Algoritiam ของ Google ว่า Google ชอบเนื้อหาแบบไหน ชอบโครงสร้าง SEO แบบไหน โดยการทำ SEO On-page ที่ดี สำหรับเว็บไซต์ ecommerce นั้น จะต้องเขียน Meta Description  ที่น่าสนใจ ใส่ Keyword ที่สำคัญลงใน Meta Description ควรจะปรับแต่ง URL ให้ตรงกับ Keyword  Title Tag หรือชื่อหน้า Sale Page ควรมี Keyword ประกอบและมีความกระทัดรัด 

3. ทำเนื้อหาบนเว็บไซต์ (SEO Content)

นอกจากหน้าขายสินค้าแล้ว การทำเนื้อหา SEO เพื่อให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ก็เป็นเทคนิคที่ช่วยดึงดูดให้ผู้ใช้เข้าเว็บไซต์มากขึ้น การทำ SEO Content ที่ดีนั้น ควรจะสอดคล้องกับสินค้าและบริการบนเว็บไซต์  ใช้ Keyword ที่พอดี อย่าใส่ Keyword จนมากเกินไป มีการเรียงลำดับหัวข้อความสำคัญแบบชัดเจน ทั้ง H1, H2, H3, H4, H5, H6 ที่สำคัญคือ ควรมีรูปภาพประกอบ

4. Backlink

สร้าง Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงให้มากขึ้น โดย Backlink จะช่วยให้อันดับของเว็บไซต์ดีขึ้น ทั้งนี้ การโปรโมทเว็บไซต์ ecommerce ลงช่องทาง Social Media ก็จะช่วยให้ผู้ใช้ platfrom อื่น พบเห็นหน้าเว็บไซต์ขายของของคุณได้

5. SEO Maintenance

การตรวจสอบผลลัพธ์ของ SEO ถือว่าสำคัญมาก เนื่องจากจะช่วยติดตามผล เพื่อให้สามารถนำมาปรับปรุงวิธีการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น รวมถึงต้องคำนึงถึง User Friendly เช่นMoblie frienly สำหรับผู้ที่ใช้มือถือในการค้นหา ควรคำนึงถึงสัดส่วน UX/UI ในหน้าเว็บและการเช็คความเร็วให้การโหลด แม้เป็นเพียงจุดเล็กๆ แต่ก็สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้ได้ดีทีเดียว

จ้างเอเจนซี่การสร้างเว็บขายของ  เว็บไซต์ E-commerce ดีอย่างไร

การจ้างเอเจนซี่การสร้างเว็บขายของ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซนั้นมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะในแง่ของการออกแบบเว็บไซต์ พัฒนาเว็บไซต์ การตลาดออนไลน์ และ SEO เนื่องจากมีความชำนาญ การจ้างเอเจนซี่ช่วยให้ธุรกิจของคุณไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากรในการสรรหา พัฒนา และฝึกอบรมทีมงาน SEO เอง

Funnel เราเป็นเอเจนซี่ที่มีประสบการณ์ในการรับทำ SEO ติดหน้าแรก เว็บไซต์ขายของ ทางทีมเราใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้เว็บไซต์ ecommerceมีประสิทธิภาพสูง พร้อมการบริการหลังการขาย ช่วยให้ธุรกิจของคุณได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEO เว็บไซต์ขายของ