Google Adwords คืออะไร? เข้าใจง่าย ๆ ข้อมูลครบในบทความนี้เท่านั้น!

Google Adwords เป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดและเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว หากคุณรู้สึกว่าการทำ SEO ยังได้ Performance ที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน การเลือกใช้บริการ Google Adwords ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน
ในบทความนี้ เราจะขอพาผู้อ่านทุกคนไปทำความรู้จักกับ Google Adword กันแบบเจาะลึก ว่าคืออะไร ทำงานอย่างไร Google Adwords มีลักษณะอย่างไรบ้าง? ถ้าพร้อมแล้วเลื่อนอ่านต่อได้เลย!

  • ประเภทของ Google Adwords
  • สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับ Google Adwords

Google Ads คืออะไร?

Google Adwords หรือ Google Ad คือ บริการโฆษณาออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ Google เช่น หน้า Search Engine ของ Google (SERP) และแอปพลิเคชันพันธมิตรเช่น YouTube เป็นต้น

โดย Google Adwords จะใช้จุดแข็งของ Google ที่มียอดผู้ใช้งานจำนวนมากในแต่ละวัน ในการให้บริการแก่ผู้ซื้อโฆษณา Google Ads ซึ่งช่วยให้มีคนจำนวนมากเข้าถึงโฆษณาสินค้านั้น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ประเภทของ Google Ads มีอะไรบ้าง? ที่น่าสนใจ

โฆษณา Google Adwords หรือ Google Ads มีหลากหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้จักและทำความเข้าใจถึงจุดเด่นของโฆษณาแต่ละแบบ

เพื่อให้สามารถเลือกใช้บริการได้ตอบโจทย์เป้าหมายทางการตลาด หรือวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ได้ครบถ้วนสูงสุด

Performance Max

สำหรับใครที่ไม่อยากเสียเวลาในการหากลุ่มเป้าหมายและการตั้งค่าแคมเปญโฆษณาด้วยตัวเอง Google Adverse แบบ Performance Max ถือว่าตอบโจทย์เพราะแคมเปญ Performance Max เป็นโฆษณาแบบอัตโนมัติที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการขายโดยอัตโนมัติ 

โดย Google จะจัดการการตั้งค่าการประมูลและการแสดงผลโฆษณาทั้งหมดโดยอัตโนมัติผ่าน AI (Artificial Intelligence)

จุดเด่น

  • เข้าถึงทุกพื้นที่โฆษณาบน Google: ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกพื้นที่บนช่องทางโฆษณาของ Google ไม่ว่าจะเป็น Google Search, Display Network, YouTube, Gmail, Google Maps และช่องทาง Discovery Ads โดยไม่ต้องสร้างแคมเปญแยกสำหรับแต่ละช่องทาง 
  • ใช้ AI ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ: Performance Max ใช้ AI ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถลดเวลาทำงานได้มาก
  • ปรับแต่งเป้าหมายได้หลากหลาย: Performance Max ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถปรับแต่งเป้าหมายได้หลากหลาย เช่น ยอดขาย การสมัครสมาชิก การเข้าชมเว็บไซต์ เป็นต้น 

Search (Google Search)

Adword Google แบบ Search เป็นโฆษณาออนไลน์รูปแบบหนึ่งที่จะแสดงผลบนหน้าการค้นหาของ Google หรือ SERP เมื่อมีผู้ใช้งานค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

แคมเปญ Google Search เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการ เพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ / การเพิ่มยอดขาย/ สร้างการรับรู้แบรนด์ เป็นต้น

จุดเด่น

  • เลือก Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจได้: สามารถเลือกใช้ Keyword ที่มียอด Search Volume เยอะ ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจของเราได้ตามหลัก SEO 
  • กำหนดตำแหน่งโฆษณาได้: ทำเลที่โฆษณาจะไปปรากฏบนหน้า SERP โดยเปลี่ยนไปตามยอด Bid ที่จ่ายให้ Google 
  • เลือกกลุ่มเป้าหมายได้: สามารถกำหนดได้เลยว่าอยากให้ Google Ads ไปโผล่ให้กลุ่มผู้ใช้งานคนไหนเห็น ซึ่งควรเลือกให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ในการซื้อสินค้ามากที่สุด

Display (Google Display Network)

Google Display Network เป็นรูปแบบโฆษณาที่เป็น “แบนเนอร์” หรือ ภาพสินค้าที่จะปรากฏตามเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาติดต่อกับเจ้าของเว็บไซต์แต่ละเว็บโดยตรง 

เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มการรับรู้แบรนด์และอยากทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงเป็นการ Remarketing เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานได้เห็นโฆษณาและอยากที่ตัดสินใจซื้อในที่สุด

จุดเด่น

  • โฆษณาทำง่ายไม่ซับซ้อน: GDN เป็นโฆษณา Ads Google Adwords ที่เป็นภาพ ไม่ต้องเสียเวลาทำซับซ้อนเหมือนวิดีโอ ทำให้สามารถประหยัดเวลาในการทำ Ads ไปได้มาก แค่ทำภาพตามขนาดที่ Google Ads ได้กำหนดไว้เท่านั้น
  • เหมาะกับการทำ Remarketing: โฆษณา Google Adwords จะแสดงผ่านแพลตฟอร์มพันธมิตรของ Google อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เห็นบ่อย ๆ จนเกิดความเชื่อถือในแบรนด์เพิ่มขึ้น
  • สร้างความจดจำได้ง่าย: หากสามารถสร้างภาพโฆษณาที่โดดเด่น แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร จะช่วยให้ลูกค้าจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น

Video (Youtube)

การใช้ Google Ads เพื่อสร้างโฆษณาวิดีโอหรือโฆษณาแบบข้อความเพื่อแสดงผลบน YouTube โดยโฆษณาจะปรากฏก่อน-ในระหว่าง หรือหลังวิดีโอ YouTube ที่ผู้ใช้กำลังดู หรือจะปรากฏบนหน้า YouTube ที่เกี่ยวข้อง เช่น หน้าค้นหา หน้าหมวดหมู่ หรือหน้าแนะนำ

การทำโฆษณาบน YouTube ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากและสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ได้ โดยโฆษณาของคุณจะปรากฏต่อผู้ชมที่สนใจในเนื้อหาประเภทเดียวกับวิดีโอนั้น

จุดเด่น

  • ค่าใช้จ่ายน้อย: Google Video Ads หรือ โฆษณา Youtube เสียค่าใช้จ่ายแบบ Pay Per Click และ Pay Per View ซึ่งถูกกว่าการทำโฆษณาตามสื่อต่าง ๆ หลายเท่า
  • กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน: โฆษณา Youtube สามารถเลือกได้เลยว่าอยากให้ใครมาเห็น Ads ตัวนี้บ้าง ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น
  • ทำให้แบรนด์เป็นรู้จักได้เร็ว: การที่โฆษณาของคุณน่าสนใจก็จะทำให้มีการบอกต่อ และกลายเป็นไวรัลได้ชั่วข้ามคืน ทำให้เกิด Brand Awareness อย่างรวดเร็ว

Application

แคมเปญ Google Ads ประเภท Application คือแคมเปญที่ออกแบบมาเพื่อโปรโมตแอปพลิเคชันมือถือบน Application ต่าง ๆ  ในรูปแบบวิดีโอหรือรูปภาพ โดยโฆษณาจะปรากฏต่อผู้ใช้งานที่มีโอกาสเป็นลูกค้าขณะที่กำลังใช้งานแอปพลิเคชัน

จุดเด่น

  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ: โฆษณาของคุณจะปรากฏต่อผู้ค้นหาที่สนใจในแอปพลิเคชันประเภทเดียวกับแอปของคุณ หรือกำลังใช้แอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง
  • กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียด: สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น เพศ อายุ ความสนใจ ตำแหน่งที่ตั้ง และพฤติกรรมการบริโภค
  • วัดผลลัพธ์ได้: คุณสามารถติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญได้อย่างง่ายดาย

Smart 

แคมเปญ Smart ของโฆษณา Google คือแคมเปญโฆษณาที่ออกแบบมาเพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางสามารถเริ่มต้นโฆษณาออนไลน์ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ 

โดย Google จะจัดการการตั้งค่าและการปรับแต่งแคมเปญให้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้ประหยัดเวลาอย่างมาก เพียงแค่กำหนดเป้าหมายที่ต้องการ เช่น เพิ่มยอดขาย, เพิ่มการรับรู้แบรนด์, เพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์ แคมเปญก็จะปรับแต่งโฆษณาให้ทันที

จุดเด่น

  • ใช้ Machine Learning: จะมีการเก็บข้อมูลแล้วนำมาประมวลผล ช่วยทำให้โฆษณามีการปรากฏที่ไหนแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น
  • ประหยัดเวลา: คุณไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะ Custom โฆษณาออกมาแบบไหนถึงจะตอบโจทย์หรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยตัวเอง เพราะเทคโนโลยีจะประมวลผลให้อัตโนมัติ
  • วัดผลได้: สามารถวัด Conversion ได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถปรับปรุงและพัฒนาแคมเปญโฆษณาได้อย่างตรงจุด

Shopping

Google Shopping Ads คือรูปแบบโฆษณาของ Google ที่แสดงสินค้าของคุณบนผลการค้นหาของ Google โดยจะแสดงรูปภาพสินค้า ราคา ชื่อร้านค้า และข้อมูลอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถดูและเปรียบเทียบสินค้าได้อย่างง่ายดายมากขึ้น

จุดเด่น

  • โฆษณามีความโดดเด่นกว่า Google Search: Google Shopping Ads จะแสดงข้อมูลทั้งในส่วนของภาพสินค้า ชื่อสินค้า ราคา ในรูปแบบของ Shopping Card ทำให้มีความโดดเด่นและน่าสนใจ
  • อยู่ในตำแหน่งที่ดี: Google Shopping Ads จะปรากฏบริเวณด้านบนสุดของหน้า SERP ซึ่งอยู่เหนือ Google Search ไปอีก ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเห็นก่อนและเข้าถึงสินค้าได้สะดวก
  • โฆษณาปรากฏในเว็บต่าง ๆ: นอกจากบนหน้าผลการค้นหาแล้ว สินค้าของเรายังไปปรากฏบนหน้าเว็บต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น
  • ค่าคลิกถูกกว่า Google Search: ช่วยให้ประหยัดงบการทำโฆษณามากขึ้น ทำให้สามารถกระจายการทำโฆษณาไปได้อีกหลากหลายช่องทางมากขึ้น

เงื่อนไขการทำ Google Adword Ads คืออะไร?

  • เข้าใจเป้าหมายทางธุรกิจ: Google Adwords วิธีทำแรกเริ่มคือควรกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจให้ชัดเจนก่อน เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย เพิ่มการรับรู้แบรนด์ หรือเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ เป็นต้น 

เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว ก็จะช่วยให้สามารถกำหนดกลยุทธ์และปรับแต่งแคมเปญโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพตามไปด้วย

  • เลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม: การโฆษณาให้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าหรือบริการของเรามากที่สุดจะช่วยให้แคมเปญโฆษณามีประสิทธิภาพมากขึ้น 
  • เลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย: การเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้โฆษณาของเราแสดงผลได้บ่อยขึ้นและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากขึ้น

>>เทคนิคการเลือก Keyword Ideas ด้วย Neilpatel VS ahrefs<<

  • สร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ: โฆษณาที่ดีควรดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายและกระตุ้นให้พวกเขาคลิกโฆษณา โดยใช้ข้อความที่ชัดเจน กระชับ ที่สามารถกระตุ้นความสนใจได้ทันที หรือการใช้รูปภาพและวิดีโอที่น่าสนใจก็สามารถช่วยได้เช่นกัน 
  • ติดตามผลสม่ำเสมอ: การติดตามผลและปรับแต่งแคมเปญโฆษณาจะช่วยให้เราสามารถวัดผลลัพธ์ของแคมเปญและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างต่อเนื่อง 

Google Ads เทียบกับ SEO แตกต่างกันอย่างไร?

Google Ads กับการทำ SEO ต่างก็เป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้เว็บไซต์ปรากฏบนหน้าแรกของผลการค้นหาของ Google แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญดังต่อไปนี้

ความเหมือนกันระหว่าง Google Adwords กับ SEO

  • เป้าหมายเดียวกัน: เป้าหมายของทั้ง Google Ads และ SEO คือเพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏบนหน้าแรกของผลการค้นหาของ Google 
  • ใช้ Keyword เป็นตัวช่วย: ทั้ง Google Ads และ SEO ต่างก็ใช้ Keyword เพื่อกำหนดว่าเว็บไซต์ของคุณควรปรากฏในผลการค้นหาสำหรับคำค้นหาใดบ้าง
  • สามารถวัดผลได้: ทั้ง Google Ads และ SEO ต่างก็สามารถใช้เครื่องมือติดตามเพื่อวัดผลลัพธ์ของแคมเปญได้เช่นเดียวกัน

>> เรียนรู้กลยุทธ์การทำการตลาดด้วยการทำ SEO ที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง<<

ความแตกต่างระหว่าง Google Adwords กับ SEO

  • ค่าใช้จ่าย: Google Ads ค่าใช้จ่ายเป็นรูปแบบ Pay-per-click (PPC) ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องจ่ายเงินทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาของคุณ  

ส่วนการทำ SEO เป็นรูปแบบการโฆษณาฟรี แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการสร้างและบำรุงรักษาเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ติดอันดับผลการค้นหา

  • ระยะเวลา: AdWords คือตัวช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกของผลการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ SEO อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
  • การควบคุม: Google Ads ให้คุณควบคุมตำแหน่งและปริมาณการแสดงโฆษณาของคุณได้มากกว่า SEO ซึ่งคุณไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด

ในท้ายที่สุดแล้ว การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ Google Ads หรือ SEO นั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายและงบประมาณของคุณ หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวางการทำ Google Ads อาจเหมาะสมมากกว่า 

แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ในระยะยาวและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง SEO อาจตอบโจทย์ได้ดีกว่า 

แนะนำว่าควรทำ Google Ads และ SEO ควบคู่กันไปเพราะมันจะสามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการตลาดออนไลน์ได้มากที่สุดเนื่องจาก Google Ads สามารถช่วยดึงดูดผู้เข้าชมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ SEO สามารถช่วยให้ดึงดูดผู้เข้าชมกลับมายังเว็บไซต์ของคุณบ่อยขึ้นนั่นเอง

สรุปแล้ว Google Adwords ดีต่อการทำการตลาดออนไลน์อย่างไรบ้าง?

Google Ads เป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดและเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว ประโยชน์ของ Google Ads มีดังนี้

  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด: Google Ads ช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย เช่น ความสนใจ เพศ อายุ ตำแหน่งที่อยู่ เป็นต้น 

ทำให้โฆษณาแสดงผลต่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือบริการของธุรกิจได้ตรงจุดมากกว่าการโฆษณาทั่วไป

  • เพิ่มยอดขาย: Google Ads สามารถช่วยให้ธุรกิจเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว โดยการแสดงโฆษณาบนหน้าแรกของผลการค้นหาของ Google ทำให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าสามารถพบเว็บไซต์ของธุรกิจได้ง่ายขึ้นและตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
  • วัดผลได้: Google Ads ช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดผลลัพธ์ของแคมเปญโฆษณาได้อย่างแม่นยำ ทำให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาได้อย่างต่อเนื่อง
  • คุ้มค่ากับการลงทุน: Google Ads เป็นรูปแบบการโฆษณาแบบ Pay-per-click (PPC) ซึ่งหมายความว่าธุรกิจจะต้องจ่ายเงินเฉพาะเมื่อมีคนคลิกโฆษณาเท่านั้น ทำให้ธุรกิจสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำโฆษณารูปแบบเดิม ๆ ที่ต้องทุ่มเงินก้อนใหญ่ไปก่อนแต่คาดการณ์ผลลัพธ์ไม่ได้

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ Google Adwords คืออะไร

Google Ads ราคาเท่าไร?

Google Ads หักเงินเองเริ่มต้นที่ประมาณ 2-3 บาทต่อการคลิก แต่อาจสูงถึงหลายร้อยบาทต่อคลิกสำหรับคำค้นหาที่มีการแข่งขันสูง

Google Ads เหมาะกับใคร?

ธุรกิจทุกประเภทที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มยอดขาย

การบริการของ Google Adwords อยู่ในรูปแบบใด?

Google Ads เรียกเก็บเงินอยู่ในรูปแบบของการโฆษณาแบบ Pay-per-click (PPC) 

โครงสร้างของ Google Adwords ประกอบด้วยอะไรบ้าง?

บัญชี (Account), แคมเปญ (Campaign), กลุ่มโฆษณา (Ad group)

Google Ads ใช้งานยังไง?

ตั้งค่าบัญชี, สร้างโฆษณา, กำหนดกลุ่มเป้าหมาย, ติดตามผลลัพธ์

Google Adsense คืออะไร?

โปรแกรมโฆษณาจาก Google ที่ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถสร้างรายได้จากการโฆษณา

Similar Posts