เปิดตำรากลยุทธ์การทำ SEO สำหรับธุรกิจที่จะทำให้คุณเป็นมือโปร Pt.2

หลังจากที่เราทำความรู้จักและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ SEO Strategy Stack การปรับกลยุทธ์ SEO ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจกันไปใน เปิดตำรากลยุทธ์การทำ SEO สำหรับธุรกิจที่จะทำให้คุณเป็นมือโปร Pt.1 กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใน Part 2 นี้เราจะมาดูกันว่าหลังจากที่เราทำการปรับให้ทั้งโมเดลของธุรกิจและ SEO มีแนวทางการทำงานที่สอดคล้องกันแล้ว มันสามารถให้ประโยชน์และช่วยแก้ปัญหาอะไรให้กับองค์กรของเราได้บ้าง

  • กลยุทธ์ SEO ที่ดีเป็นอย่างไร?
  • อยากนำกลยุทธ์ SEO ไปปรับใช้ต้องทำยังไง?

ไฮไลท์ Part 2

4.ทำไม SEO Strategy Stack ถึงมีประโยชน์กับการทำธุรกิจ

5.กลยุทธ์ดี vs กลยุทธ์ไม่ดี vs กลยุทธ์ที่ไม่สอดคล้องกัน

โดย 2 หัวข้อนี้จะเป็นส่วนสุดท้ายที่นักทำ SEO จะทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน

4.ทำไม SEO Strategy Stack ถึงมีประโยชน์กับการทำธุรกิจ

หากใครที่ติดตามมาตั้งแต่ Part ที่ 1 จะรู้ว่า SEO Strategy Stack  นั้นจะมีประโยชน์ที่เด่น ๆ เลยก็คือการที่ช่วยให้นักทำ SEO ของบริษัทนั้น ๆ สามารถวางแผนและปรับกลยุทธ์ SEO ที่ยังไม่มีประสิทธิภาพและไม่สอดคล้องกับโมเดลธุรกิจของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและประสบผลสำเร็จไวขึ้น

ซึ่งเมื่อวางผังออกมาแล้ว ทุก ๆ คนจะสามารถมองเห็นภาพโครงสร้างการทำงานระหว่างกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทและกลยุทธ์การทำ SEO ได้ดังนี้…

และจากที่ได้บอกไปว่า ถึงแม้หลัก SEO Strategy Stack  จะมีข้อดีที่มีระบบการวางโครงสร้างแผนงานที่เป็นขั้นเป็นตอน แต่หากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งในเลเยอร์หายไป ก็อาจทำให้แผนรวนได้เลยเทีเดียว

ซึ่งหลัก ๆ แล้วหลักการทำงานแบบ SEO Strategy Stack จะช่วยให้นักทำ SEO สามารถใช้เฟรมเวิร์คในภาพด้านบนวิเคราะห์ข้อมูลได้หลาย ๆ อย่าง ดังนี้

จากบนลงล่าง

การใช้หลักมองเฟรมเวิร์คจากบนลงล่างจะช่วยให้นักทำ SEO วิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ได้เร็วขึ้น

  • กลยุทธ์และเป้าหมายที่แท้จริงของบริษัท
  • ปัญหาที่ระบุได้นะเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทหรือธุรกิจจริง ๆ หรือไม่
  • การวิเคราะห์ปัญหาและแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริง ๆ

จากล่างขึ้นบน

การใช้หลักมองเฟรมเวิร์คจากล่างขึ้นบนจะช่วยให้นักทำ SEO วิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ได้เร็วขึ้น

  • สามารถจัดลำดับความคิดและจัดลำดับปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขก่อน-หลัง โดยสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สร้างแผนการดำเนินงาน SEO ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน
  • สะสางงานที่คั่งค้างได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนและจัดลำดับได้อยากดี มีประสิทธิภาพ

ยังไงการตาม ไม่ว่าจะเป็นการมองเฟรมเวิร์คแบบ บนลงล่าง หรือ ล่างขึ้นบน ก็ทำให้นักทำ SEO สามารถวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ SEO ด้วย SEO Strategy Stack ได้ดีขึ้นและกระชับมากขึ้นจนสามาถปิดช่องโหว่ระหว่างการทำงานในแต่ละทีมขององค์กรได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

SEO Strategy Stack แก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง?

หลาย ๆ คนคงคิดว่า แค่หลักกลยุทธ์จากเฟรมเวิร์คง่าย ๆ ไม่เพียงกี่ขั้นตอนนั้นคงช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ที่จริงแล้วมันให้ประโยชน์และช่วยแก้หาหลัก ๆ ให้เราได้อย่างมากมายทีเดียว 

1.ตีกรอบการทำงานของ SEO ไปที่การวิเคราะห์ปัญหาก่อนเสมอ

ต้องบอกก่อนว่านักทำ SEO หลาย ๆ คนมักตกลุมพรางไปกับการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างแรกตลอดมา ซึ่งหากถามว่าการทำงานแบบนี้ดีหรือไม่ ก็แน่นอนว่า การแก้ไขปัญหาให้กับบริษัทและธุรกิจเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่จะดีกว่าหากทีม SEO จะทำการวิเคราะห์ให้เจอปัญหาที่แท้จริงซะก่อนแล้วจึงค่อยแก้

ปัญหาที่เป็นอยู่ คือ ทีม SEO มักจะเสียเวลาไปกับการแก้ไขปัญหาทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง เพราะกลยุทธ์ของ SEO และกลยุทธ์ของธุรกิจไม่สอดคล้องกัน ดังนั้นมันจึงส่งผลให้ แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด และ ทำงานไปแบบเกือบเสียเปล่าเพราะผลลัพธ์ไม่ได้ประสิทธิภาพมากพอ

สิ่งที่ควรแก้ไขเมื่อเริ่มใช้หลัก SEO Strategy Stack  คือการให้ทีมสำคัญ ๆ ในองค์การปรับจูนกลยุทธ์ในการทำงานร่วมกัน และผลักดันให้ SEO วิเคราะห์ปัญหาร่วมด้วย ก็จะทำให้การทำงานสอดคล้องและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น 

ในช่วงแรกเริ่มของการวิเคราะห์ปัญหา แน่นอนว่าคำถามที่จะตามมาในฐานะนักทำ SEO ก็คือ เราจะรู้ได้ยังไงว่า ปัญหาไหนคือปัญหาที่แท้จริง และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการวิเคราะห์และระบุปัญหาจึงเป็นขึ้นตอนที่สำคัญและอยู่อันดับแรก ๆ ของเฟรมเวิร์ค

หลักการทำงานที่สำคัญในช่วงการวิเคราะห์และระบุปัญหาคือการที่ทางทีม SEO ต้องคอยทบทวนแผนและตรวจสอบอยู่เสมอว่าปัญหาใดที่ถ้าหากถูกแก้ไขแล้วจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินต่อไปข้างหน้าได้

ซึ่งเมื่อตอบคำถามนี้ได้แล้ว เราก็จะสามารถพุ่งไปที่การวางแผนดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาได้ทันที รวมถึงยังสามารถกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานได้อย่างแม่นยำมากขึ้นและเอาชนะปัญหานั้นได้ในที่สุด

2.ปรับงาน SEO ของเราให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท

ปัญหาหลักอีกข้อหนึ่งที่ SEO จำนวนมากต้องพบเจอ คือเราขาดความสามารถในการปรับแนวทาง “จากล่างขึ้นบน” ตามหลักบนเฟรมเวิร์ค ซึ่งการขาดทักษะตรงนี้ก็ทำให้เราทำงานได้ยากและมองภาพไม่ออก ซึ่งก็จะส่งผลให้การกลยุทธ์ SEO Strategy Stack ที่จะนำมาใช้ครุมเครือตามไปด้วย

ซึ่งบางครั้งปัญหาอาจเป็นแค่ปัญหาง่าย ๆ  เช่น “เราต้องเพิ่มรายได้จากสินค้าจากกลุ่ม B2B” หรือ “ธุรกิจของเราต้องการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ 5 แห่ง เราจึงต้องกำหนดเป้าหมายเป็นภาษาต่าง ๆ 10 ภาษา” เป็นต้น  แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ของบริษัท เราต้องแน่ใจว่างานของเรามุ่งเน้นไปที่การช่วยขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นอะไรก็ตาม (หรือแม้ว่าองค์กรจะพยายามแก้ไขข้ามไปข้ามมาจากปัญหาไปสู่อีกปัญหาหนึ่งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกันอย่างสิ้นเชิง)

เหตุผลที่ทำไม SEO ต้องทำการวิเคราะห์และระบุปัญหาให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจ

  • เข้าใจธุรกิจมากขึ้น: เข้าใจธุรกิจด้วยการถามคำถามสำคัญและพูดคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อรับนักเก็ตความรู้ทองคำ
  • กำหนดผลลัพธ์ของผู้ใช้ได้: ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย จุดบกพร่อง และพฤติกรรมที่แน่นอนที่เราต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจในเชิงบวกคืออะไร
  • ชี้แจงปัญหาได้:  เมื่อเราเข้าใจธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้งแล้ว เราต้องชี้แจงปัญหา ถามคำถามที่ถูกต้อง และระบุวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้
  • ตรวจสอบความถูกต้องของโอกาส SEO ได้มากขึ้น: สุดท้าย เราต้องแน่ใจว่าโอกาสที่เราระบุเพื่อเอาชนะปัญหานั้นเป็นไปได้ ใช้งานได้ และเป็นไปได้

ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า ทักษะการวิเคราะห์และระบุปัญหา จะช่วยให้เราสามารถจัดตำแหน่งและมุ่งเน้นงาน SEO ของเราเพื่อช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ของบริษัทได้ดีมากขึ้น รวมถึงเราสามารถสร้างแผน (กลยุทธ์) ที่ชัดเจนและมุ่งเน้นซึ่งเป็นการเชื่อมโยงงานระหว่างกลยุทธ์ทางธุรกิจและ SEO ให้ดีกว่าเดิมนั่นเอง

ซึ่งถ้าหากเฟรมเวิร์คดังกล่าวสำเร็จ ก็จะช่วยให้การจัดลำดับความสำคัญของงานทีม SEO นั้นง่ายมากขึ้น รวมถึงมีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันกับกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทไปตามบริบท

3.เอาชนะปัญหาเป้าหมาย SEO

ความท้าทายที่สำคัญประการหนึ่งที่นักทำ SEO จำนวนมากเผชิญคือการที่หลายคนสับสนที่จะเลือกระหว่าง การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน กับ กลยุทธ์ SEO ที่วางแผนมา ว่าต้องเลือกอะไรดี? เพราะต้องทำใจไว้เสมอว่ากลยุทธ์ที่เราวางมาเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับบริษัทอาจไม่ตอบโจทย์กับการบรรลุเป้าหมายของเมตริกที่ใช้วัดคุณภาพของการทำ SEO เสมอไป

แม้ว่ารายได้, ยอดการเข้าชม และเมตริกหลักอื่น ๆ จะมีความสำคัญต่อการติดตามความสำเร็จในทีม แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องมีแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจของบริษัทให้ได้

ฉะนั้น ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO เราต้องทำให้บริษัทเข้าใจว่ากลยุทธ์ที่เราวางมานั้นก็เพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาธุรกิจให้กับองค์กรในระยะยาว ดังนั้น  ไม่จำเป็นที่จะต้องหมกมุ่นอยู่กับตัวเลขหรือคะแนนด้าน SEO เสมอไป 

เพราะเฟรมเวิร์ก SEO Strategy Stack ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ SEO มุ่งเน้นไปที่การระบุปัญหาทางธุรกิจและสร้างแผนการเพื่อเอาชนะปัญหานั้น ๆ ดังนั้น ในบางกรณีมันอาจส่งผลต่อการจัดอันดับ ด้าน SEO ที่อาจจะตอบสนองไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก

ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยได้คือปรับรูปแบบการกำหนดเป้าหมายของการทำ SEO ให้สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาเชิงธุรกิจให้มากขึ้นแทนที่จะไปเน้นที่การตั้งเป้าหมายแบบ SEO อย่างเดียว เพราะวิธีการนี้จะทำให้ทางองค์กรเห็นภาพการทำงานของ SEO ได้กว้างขึ้นและดีขึ้นด้วย

5.กลยุทธ์ดี vs กลยุทธ์ไม่ดี vs กลยุทธ์ที่ไม่สอดคล้องกัน

ในส่วนสุดท้ายนี้เราจะมาพูดถึงประโยชน์ของการใช้เฟรมเวิร์คที่ทีม SEO สามารถใช้เพื่อระบุและทราบได้ว่ากลยุทธ์แบบไหนเป็นกลยุทธ์ที่ดี ไม่ดี และไม่สอดคล้องกัน

โดยเมื่อใช้เฟรมเวิร์คแล้ว จะสามารถช่วยให้ทีม SEO ระบุกลยุทธ์ได้ 3 ประเภท คือ…

กลยุทธ์ SEO ที่ดี

โดยหากเป็นกลยุทธ์ SEO ที่ดี ทางทีม SEO จะเห็นความเชื่อมโยงกันระหว่างการดำเนินงานของ SEO กับกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทที่กว้างขึ้น โดยจัดองค์ประกอบทั้งหมดของ SEO Strategy Stack ให้สอดคล้องกันเพื่อช่วยให้ทีมจดจ่ออยู่กับแผนการกลยุทธ์และขั้นตอนการดำเนินงานให้ได้มากที่สุด

กลยุทธ์ SEO ที่ไม่ดี

สำหรับกลยุทธ์ SEO ที่ไม่ดีหรือไม่มีประสิทธิภาพนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการที่ทีม SEO มุ่งเน้นไปที่การกระทำแบบ “จากล่างขึ้นบน” มากเกินไป คือหมกมุ่นอยู่กับส่วนการทำ SEO เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงและไม่ได้ช่วยให้องค์กรเชื่อมโยงจุดต่าง ๆ ระหว่างงาน SEO และกลยุทธ์ของบริษัทแต่อย่างใด

กลยุทธ์ SEO ที่ไม่สอดคล้องกัน

กลยุทธ์ SEO ที่ไม่สอดคล้องหรือตรงแนวกัน จะเป็นรูปแบบที่มีองค์ประกอบใน Stack ครบทุกเลเยอร์  แต่ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างดี ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ทางทีมจะทำได้แค่ตัวงานที่ไม่ได้จำเป็นต้องโฟกัส หรือทำงานที่ไม่จำเป็นไปด้วย นั่นหมายถึงว่า ทางทีมจะไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญ ก่อน-หลัง ของงานได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากนักนั่นเอง

ยังไงก็ตาม ในการใช้กลยุทธ์ SEO Strategy Stack จำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนและข้อผิดพลาดมากมายในการเรียนรู้วิธีสร้าง “กลยุทธ์ที่ดี” ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป นักทำ SEO ทุกคนจะพบได้ว่า เฟรมเวิร์คของ SEO Strategy Stack นั้นเป็นเครื่องมือที่มีค่าในการช่วยทางทีม SEO และองค์กรได้อย่างแท้จริง

แนวทางการนำ SEO Strategy Stack  ไปใช้กับทีมอื่น ๆ ในบริษัท

จากที่พูดมาทั้งหมด ทุกคนจะเห็นได้แล้วว่า  SEO Strategy Stack  นั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมาก และถ้าหากพิจารณาดูจริง ๆ เฟรมเวิร์คของมันสามารถนำมาปรับใช้ได้กับทุก ๆ ทีมในองค์กร ไม่เพียงแต่ทีม SEO หรือทีมใดทีมหนึ่งเท่านั้น

แต่ในเบื้องต้น เมื่อทีม SEO สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างคล้องแคล้วร่วมกับทีมสำคัญ ๆ ในบริษัทได้แล้ว เพื่อให้วงจรการทำงานนี้ถูกใช้งานได้อย่างครบลูปมากขึ้น “การจัดตำแหน่ง” ให้กับทีมต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและสมควรทำเป็นอย่างมาก

เพราะกลยุทธ์  SEO Strategy Stack ไม่ใช่แค่บอกแนวทางการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจหรือปัญหาใดปัญหาหนึ่งเท่านั้น แต่มันยังเป็นแนวทางและวิธีคิดที่จะช่วยให้คนในองค์กรสามรถวิเคราะห์และรู้ถึงปัญหาที่แท้จริงได้อย่างทั่วกัน เมื่อทุก ๆ คนมีความคิดเห็นที่สอดคล้องและเห็นภาพเดียวกันแล้ว ก็จะทำให้เป้าหมายของบริษัทที่ตั้งไว้ไม่ยากเกินที่จะบรรลุได้

ท้ายที่สุด SEO Strategy Stack  เป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้นสำหรับการทำงาน SEO ให้สอดคล้องกับหลักธุรกิจเท่านั้น ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าในอนาคต จะต้องมีแนวคิดอื่น ๆ ที่นำมาต่อยอดได้ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและชัดเจนมากขึ้นอย่างแน่นอน

Similar Posts