ChatGPT

ChatGPT คืออะไร ทำไมจึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้ Google Search Engine สั่นสะเทือน?

12 ปีที่แล้วมี SimSimi ถัดมาวันนี้มีแชตบอตโด่งดังสุดอัจฉริยะที่ “ถามอะไรตอบได้” อย่าง “ChatGPT”ที่กำลังจะมาดึงความสนใจคนจำนวนมากสู่วงการ “Generative AI” ยิ่งไปกว่านั้นผู้เชี่ยวชาญในวงการมองว่า ChatGPT นั้นอาจส่งผลกระทบไปถึงขั้นดิสรัปต์ (Disrupt) วงการ Search Engine ที่เคยมีผู้นำรายใหญ่อย่าง Google ได้เลยทีเดียว

หากย้อนกลับไป 12 ปีที่แล้ว คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก SimSimi แชตบอตสุดฮิตที่เป็นกระแสอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะมีแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) สุดอัจฉริยะถามอะไรตอบได้อย่าง “ChatGPT” ที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จนเป็นที่พูดถึงกันอยู่ในขณะนี้ ที่จะมาดึงความสนใจคนจำนวนมากเข้าสู่อุตสาหกรรม “Generative AI” ซึ่งเป็นการให้ระบบคอมพิวเตอร์สร้างข้อความ ภาพ วิดีโอ และมีเดียรูปแบบอื่นๆ อัตโนมัติ โดยใช้จุดเด่นของปัญญาประดิษฐ์ ไปจนถึงการเรียนรู้ด้วยตัวเองของโปรแกรม (Machine Learning) 

โดยแชตบอตดังกล่าวจะสามารถหาคำตอบให้กับเราได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะมีข้อสงสัยเรื่องอะไร มันจะใช้ระบบ “AI” ไปรวบรวมข้อมูลจากทุกที่ในโลกมาประมวลผลเป็นคำตอบให้กับเรา หรือแม้กระทั่งการเขียนสคริปต์การเรียนการสอน ที่อาจใช้เวลาเตรียมข้อมูลเป็นชั่วโมง แต่ “ChatGPT” ก็จะไปรวบรวมข้อมูลมาเป็นคำอธิบายแสนง่ายให้คุณได้ภายในเวลาเพียงไม่นาน

  • ChatGPT คืออะไร?
  • ChatGPT ทำอะไรได้บ้าง?

ChatGPT คืออะไร?

“ChatGPT” เป็นรูปแบบหนึ่งของ GPT-3.5 Language Generation Software ซึ่งเป็นโปรเจกต์ภายใต้องค์กรปัญญาประดิษฐ์อย่าง “OpenAI” องค์กรที่พัฒนางานวิจัยเกี่ยวกับด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยถูกออกแบบมาเพื่อสร้างบทสนทนากับผู้คน ใน ChatGPT นั้นมีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การตอบคำถามที่ถูกถาม การตรวจสอบหลักฐานที่ผิด หรือแม้แต่การยอมรับของตัวระบบเองว่าผิดพลาด เป็นต้น 

ใครเป็นผู้สร้าง ChatGPT

ChatGPT สร้างขึ้นโดย OpenAI บริษัทปัญญาประดิษฐ์ในซานฟรานซิสโก OpenAI Inc. เป็นบริษัทแม่ที่ไม่แสวงหาผลกำไรของ OpenAI LP ที่แสวงหาผลกำไร

OpenAI มีชื่อเสียงจาก DALL·E ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ซึ่งเป็นโมเดลการเรียนรู้เชิงลึกที่สร้างรูปภาพจากคำสั่งข้อความที่เรียกว่า “พรอมต์” (Prompts) นั่นเอง

ChatGPT กับการเป็น “โมเดลภาษาขนาดใหญ่” (LLM)

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ChatGPT ได้รับการออกแบบมาให้บรรจุข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อทำนายคำถัดไปในประโยคได้อย่างแม่นยำ

ทั้งนี้ ยังมีการวิจัยพบว่าการเพิ่มปริมาณข้อมูลทำให้โมเดลภาษาสามารถทำงานได้มากขึ้นด้วย

โดยที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดระบุไว้ว่า :

“GPT-3 มีพารามิเตอร์ 175 พันล้านพารามิเตอร์ และได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับข้อความ 570 กิกะไบต์ สำหรับการเปรียบเทียบ GPT-2 รุ่นก่อนนั้นมีขนาดเล็กกว่า 100 เท่าที่ 1.5 พันล้านพารามิเตอร์

ขนาดที่เพิ่มขึ้นนี้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของโมเดลอย่างมาก โดย GPT-3 สามารถทำงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างชัดเจน เช่น การแปลประโยคจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาฝรั่งเศส โดยมีตัวอย่างการฝึกเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย

ลักษณะการทำงานนี้ไม่มีอยู่ใน GPT-2 เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ สำหรับงานบางอย่าง GPT-3 มีประสิทธิภาพดีกว่าโมเดลที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างชัดเจนเพื่อแก้ปัญหางานเหล่านั้น แม้ว่างานอื่นๆ จะทำได้ไม่ดีก็ตาม”

ChatGPT ถูกออกแบบมาให้ทำงานอย่างไร?

GPT-3.5 ได้รับการออกแบบด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลเกี่ยวกับโค้ดและข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต รวมถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น การสนทนาใน Reddit เพื่อช่วยให้ ChatGPT เรียนรู้บทสนทนาและเข้าถึงรูปแบบการตอบสนองของมนุษย์มากขึ้น

นอกจากนี้ ChatGPT ยังได้รับการออกแบบโดยใช้ความคิดเห็นจากมนุษย์ ( หรือ เทคนิคที่เรียกว่า Reinforcement Learning with Human Feedback) เพื่อให้ AI เรียนรู้สิ่งที่มนุษย์คาดหวังเมื่อพวกเขาถามคำถาม การฝึกอบรม LLM ด้วยวิธีนี้เป็นการปฏิวัติเพราะมันนอกเหนือไปจากการฝึกอบรม LLM เพื่อคาดเดาคำศัพท์หรือคำพูดถัดไป

ข้อจำกัดของ ChatGPT มีอะไรบ้าง?

แม้จะเป็นเครื่องมือที่ดูมีความทันสมัยและนำมาใช้ได้จริงแล้ว แต่ ChatGPT ก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่มากทีเดียว เช่น…

ข้อจำกัดในการตอบสนองกับคำถามหรือข้อมูลที่มีความ Toxic

ChatGPT ถูกตั้งโปรแกรมมาโดยเฉพาะไม่ให้ตอบสนองที่เป็นพิษหรือมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้ใช้งาน ดังนั้นมันจะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามประเภทนี้เพื่อให้มีความเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน

คุณภาพของคำตอบขึ้นอยู่กับคุณภาพของคำถาม

ข้อจำกัดที่สำคัญของ ChatGPT คือคุณภาพของเอาต์พุตขึ้นอยู่กับคุณภาพของอินพุต กล่าวอีกนัยหนึ่ง คำแนะนำจาก Promtp (โมเดลการเรียนรู้เชิงลึกที่สร้างรูปภาพจากคำสั่งข้อความ) จะสร้างคำตอบที่ดีกว่า

คำตอบไม่ได้ถูกต้องเสมอไป

ข้อจำกัดอีกประการหนึ่งคือเนื่องจากได้รับการออกแบบให้ตอบคำถามที่มนุษย์รู้สึกว่าถูกต้อง แต่คำตอบดังกล่าวกลับสามารถหลอกมนุษย์ว่าผลลัพธ์นั้นถูกต้องได้ ซึ่งผู้ใช้หลายคนพบว่า ChatGPT สามารถให้คำตอบที่ไม่ถูกต้องอยู่มากทีเดียว ดังนั้นจึงเป็นการบ้านของ OpenAI ที่ต้องกลับไปแก้ไขให้เจ้าเครื่องมือตัวนี้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีก

ChatGPT จะมาแทน Google Search Engine ได้จริงไหม?

หากมองในอุตสาหกรรมแชตบอต จะเห็นได้ว่า “ChatGPT” ไม่ใช่เจ้าแรกเจ้าเดียวที่ทำแชตบอตออกมา โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple ก็ยังมี “Siri” ขณะที่ฝั่ง Google ก็มี “Google Assistant” และทาง Amazon ก็มี “Alexa” อยู่ในขณะนี้ และจะเห็นได้ว่ามนุษย์เราต่างตื่นเต้นกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่จะสามารถมีความฉลาดเพียงพอที่จะคุยกับเราได้ ซึ่งก็เคยมีกระแสในช่วงปี 2010 อย่าง SimSimi ที่เป็นแอปพลิเคชันการแชตกับหุ่นยนต์ แต่ท้ายที่สุดแล้วแชตบอตเหล่านี้แม้จะพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ตอบได้เพียงคำถามพื้นฐานเท่านั้น

แต่ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีพากันใส่เม็ดเงินลงทุนรวมกันแล้วหลายพันล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรม “Generative AI” ซึ่งเป็นการให้ระบบคอมพิวเตอร์สร้างข้อความ ภาพ วิดีโอ และมีเดียรูปแบบอื่นๆ อัตโนมัติ โดยใช้จุดเด่นของปัญญาประดิษฐ์ ไปจนถึงการเรียนรู้ด้วยตัวเองของโปรแกรม (Machine Learning)

โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทด้านข้อมูล PitchBook ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า นักลงทุนในสตาร์ทอัพจำนวนมากได้เปลี่ยนความสนใจจากกระแสอย่าง Web 3.0 หรือคริปโตเคอร์เรนซี มายัง ‘Generative AI’ กันเป็นจำนวนมาก

แม้แต่ คริชนา เจด ประธานบริหารของ Fiddler บริษัทด้าน AI เองก็ยังกล่าวไปอีกว่า การมาของ ChatGPT นั้นอาจส่งผลกระทบไปถึงขั้น Disrupt วงการ Search Engine ที่เคยมีผู้นำรายใหญ่อย่าง Google ได้เลยทีเดียว

ทั้งนี้ เจดเคยทำงานให้กับ Microsoft ในหน่วยธุรกิจอย่าง Bing ซึ่งเป็น “Search Engine” เช่นเดียวกัน มองว่าหากกระแสการใช้งานของ ChatGPT เติบโตเรื่อยๆ นั้น Google อาจจะต้องพัฒนาเครื่องมือแบบแชตบอตออกมาเพื่อตอบคำถามผู้คน

แต่ถึงอย่างนั้นเอง ด้วยความที่ระบบของ ChatGPT นั้นกำลังเรียนรู้และอยู่ในช่วงต้น ก็อาจจะมีข้อมูลที่ผิดพลาดที่อาจจะยังไม่สมบูรณ์ได้เช่นกัน จนทำให้ผู้ใช้จำนวนมากก็ยังต้องไปตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลใน Google ต่ออยู่ดี

ChatGPT ใช้งานได้ฟรีหรือไม่?

จากที่กล่าวไปว่า ระบบของ ChatGPT นั้นกำลังเรียนรู้และอยู่ในช่วงต้น นั่นจึงทำให้ขณะนี้การใช้ ChatGPT นั้นไม่มีค่าใช้จ่ายเนื่องด้วยยังอยู่ในช่วง “ดูตัวอย่างงานวิจัย”

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ OpenAI เปิดให้ผู้ใช้ได้ลองทดลองใช้งานและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำงานของ ChatGPT เพื่อให้ AI สามารถตอบคำถามได้ดีขึ้นและเรียนรู้จากข้อผิดพลาดได้มากขึ้นด้วย

นอกจากโต้ตอบผู้ใช้ ChatGPT ทำอะไรได้อีกบ้าง?

เนื่องจาก ChatGPT ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับข้อมูลจำนวนมหาศาล  รองประธานของ Gartner อย่าง Bern Elliot จึงได้กล่าวเกี่ยวกับความสามารถด้านอื่นๆ ของมันไว้อีกว่า ChatGPT  เรียนรู้ที่จะจดจำรูปแบบที่ทำให้สามารถสร้างข้อความของตัวเองที่เลียนแบบรูปแบบการเขียนต่างๆ ได้ OpenAI ไม่ได้เปิดเผยว่าข้อมูลใดที่ใช้สำหรับการฝึกอบรม ChatGPT แต่บริษัทกล่าวว่าโดยทั่วไปแล้วจะเป็นการรวบรวมข้อมูลเว็บ หนังสือ และ Wikipedia เป็นต้น

สรุป

ท้ายที่สุด ChatGPT ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะยังพบความผิดพลาดของข้อมูลและยังต้องพัฒนาอยู่เรื่อยๆ สอดคล้องกับStackOverflow เว็บไซต์ของกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์ (software developers) ได้ประกาศแบนคำตอบของ ChatGPT โดยให้เหตุผลว่า ‘เพราะอัตราการได้คำตอบที่ถูกต้องจาก ChatGPT ยังต่ำเกินไป’ ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนได้ ดังนั้น การพัฒนา AI สุดล้ำอย่าง ChatGPT จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่งไม่ว่าเราจะอยู่ในแวดวงใดก็ตาม

@Line เพื่อติดตามเนื้อหาSEO ที่แชร์จากประสบการณ์ตรง พร้อมเนื้อหาพิเศษที่แจ้งเฉพาะเพื่อน ๆ ในไลน์ คลิกที่ลิงก์นี้ครับ https://lin.ee/lLaQUPv

หรือเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจบริการรับทำ SEO สามารถติดต่อเข้ามาปรึกษาได้เลยยินดีให้คำปรึกษาครับ

Similar Posts