มาดูกัน! แนวโน้มสถิติ SEO ROI ปี 2023 ธุรกิจไหนได้ผลตอบแทนจาก SEO มากที่สุด
เรียกได้ว่าเป็นปีทองของการทำธุรกิจเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเก่าหรือธุรกิจใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ก็ต่างมีความคึกคักกันเป็นอย่างมากทีเดียว ยังไงก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นในแวดวงเศรษฐกิจ แต่ก็ถือเป็นเรื่องยากของคนทำธุรกิจเช่นเดียวกัน
เพราะจากที่ได้บอกไปว่า ในช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้มีธุรกิจใหม่ ๆ และอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย นั่นจึงทำให้คู่แข่งในแต่ละธุรกิจมีมากตามไปด้วย ฉะนั้น สิ่งที่ต้องตามคู่แข่งให้ทันคือการทำการตลาด ไม่ว่าจะทางแพลตฟอร์มบนโซเชียลมีเดียร์ต่าง ๆ รวมถึงการทำ SEO การตลาดบน Google ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ในบทความนี้ Funnel จึงรวบรวมสถิติ SEO ROI ในปีต่าง ๆ มาเพื่อเป็น Case Study ให้นักธุรกิจหรือนักทำ SEO ทุก ๆ คนได้ลองวิเคราะห์กันดูว่าในแต่ละภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดจะได้รับผลตอบแทน SEO ROI มากที่สุดในปี 2023 https://firstpagesage.com เพื่อนๆสนใจเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้นะครับ
แต่ก่อนอื่น สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า SEO ROI คืออะไร เรามาทำความรู้จักไปกับมันไปพร้อม ๆ กันก่อน
SEO ROI คือ…
คำว่า ROI ย่อมาจาก Return on Investment คือ การสรุปผลตอบแทนจากการลงทุน โดยเป็นการแสดงสัดส่วนระหว่างผลกำไรที่คุณได้รับกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่คุณลงทุนไป สำหรับการวัดผลนี้สามารถใช้ได้กับทุกการลงทุนเพื่อให้คุณสามารถรู้ได้ว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่
โดย ROI ของ SEO นั้นจะคำนวณผลตอบแทนการลงทุนจากการปรับประสิทธิภาพเว็บไซต์ของเรา เช่น การอัปเดตเนื้อหาต่างๆ ที่แทรกคีย์เวิร์ด SEO ในหน้าเว็บไซต์อยู่เสมอ อยากให้ทุกคนคิดว่าการทำ SEO นั้นเป็นกลยุทธ์ระยะยาวในการสร้างผลกำไร จะไม่เป็นการสร้าง ROI แบบรวดเร็วเหมือน PPC ที่จ่ายค่าคลิกแล้วจะมีการคาดการณ์จำนวนคนเข้าชมเลย
ส่วนใหญ่แล้ว สาเหตุแรกที่การคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนของแคมเปญ SEO นั้น ยากในช่วงแรกๆ ก็เพราะว่าการคำนวณนี้ไม่มีสูตรตายตัวที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ 100% ได้ ROI ของSEO นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ มากมาย รวมถึงประเภทของธุรกิจ กลยุทธ์เฉพาะของเรา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ถ้าเราไม่แน่ใจว่าเราได้กำไรจากการลงทุนใน SEO บ้างหรือเปล่า สุดท้ายแล้วเราจะไม่สามารถรู้ได้ว่ากลยุทธ์ไหนที่เราใช้แล้วมีประสิทธิภาพดีที่สุด และกลยุทธ์ไหนเราควรปรับปรุง ถ้าเราไม่คำนวณ ROI เราก็จะไม่สามารถรู้ได้เลย ว่าแคมเปญ SEO ที่เราทำไปนั้นคุ้มกับความพยายามหรือไม่ หรืออาจจะคำนวณดูว่าจริงๆ แล้วเรามีต้นทุนในการทำ SEO เท่าไหร่ และถ้าจะต้องลงทุนทำเองหรือจ้างทำจะต้องลงทุนมาก-น้อยแค่ไหนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับธุรกิจ
ซึ่งในบทความนี้ Funnel ได้รวบรวมคำตอบของคำถามนี้ โดยนำมาแจกแจงตามธุรกิจ / อุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ และแบ่งกลุ่มเพิ่มเติมตามผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) เพื่อให้คำตอบชัดเจนมากขึ้นด้วย จะมีรายละเอียดยังไงบ้าง ไปดูพร้อม ๆ กัน
สถิติ SEO ROI ตามธุรกิจและอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ
สถิติ ROI ที่ทาง Funnel จะมานำเสนอต่อไปนี้ จะเป็นสถิติที่แสดงถึง ROAS และ ROI ของ SEO โดยเฉลี่ยในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยเกณฑ์การวิเคราะห์ SEO ที่เป็นสารตั้งต้นตัวนี้ จะขึ้นอยู่กับ “ความเป็นผู้นำ” ในด้าน SEO ซึ่งหมายความว่า ธุรกิจหรืออุตสหากรรมนั้น ๆ จะต้องมีการจัดทำและเผยแพร่หน้าเว็บไซต์คุณภาพสูงที่กำหนดเป้าหมายจากคำหลักอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งประมาณ 70/30 ระหว่างรายการบล็อกและหน้า Landing Page
ซึ่งเราสามารถคำนวณ SEO ROAS โดยใช้สูตรต่อไปนี้
ผลตอบแทนรวมจากแคมเปญ SEO ÷ ต้นทุนแคมเปญ SEO
โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายของแคมเปญ SEO คือสิ่งที่บริษัทต่าง ๆ ต้องจ่ายให้เอเจนซีที่รับทำ Digital Marketing ให้กับบริษัทนั้น ๆ และยังรวมถึงซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือต่างๆ ในการคำนวณ SEO ของเรา ตัวอย่างเช่น หากเราใช้ Mangools ให้นำค่าใช้จ่ายรายเดือนของเครื่องมือมาคำนวณ ควบคู่ไปกับซอฟต์แวร์ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เราใช้ด้วย นอกจากนี้ยังมีต้นทุนอื่น ๆ เช่น ค่าเสียเวลาต่าง ๆ ที่เราก็ต้องนำมาคำนวณด้วยเช่นกัน
ในทำนองเดียวกัน เราคำนวณ SEO ROI โดยใช้สูตรต่อไปนี้
กำไรสุทธิจากแคมเปญ SEO ÷ ต้นทุนแคมเปญการยิงโฆษณา SEO
จากนั้นเราจะคูณด้วย 100 เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนที่คุณคาดหวังได้จาก SEO หากว่าผลลัพธ์ ROI นั้นเป็นบวก แน่นอนเลยว่าการลงทุนไปกับ SEO นั้นคุ้มค่าแล้วนั่นเอง
นอกจากนี้ เรายังรวม สถิติ เวลาถึงจุดคุ้ม ทุน ซึ่งเป็นจำนวนเดือนที่รายได้สุทธิจากแคมเปญ SEO ของคุณจะเกินการใช้จ่ายในแคมเปญนั้น ๆ ด้วย
สถิติ SEO ROI ตามประเภทบริการต่าง ๆ ของ SEO
เมื่อเจ้าของธุรกิจตั้งความคาดหวังสำหรับ ROI ที่บริษัทของตนจะได้รับจากแคมเปญ SEO แน่นอนว่าจะต้องพิจารณาความครอบคลุมและคุณภาพของแคมเปญ SEO เอง ซึ่งเราได้รวบรวมบริการ SEO ที่พบมากที่สุดพร้อมกับ ROAS, ROI และบริการด้านการตลาดออนไลน์รูปแบบอื่นมาด้วยเช่นกัน
บริการ Technical SEO
สำหรับบริการรูปแบบนี้ จะเน้นบริการปรึกษาด้าน SEO มักจะเป็นบริการในลักษณะที่ให้คำปรึกษาในการแก้ไขทางเทคนิคต่าง ๆ ให้กับเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเบื้องต้นอาจเป็นเรื่องความเร็วของไซต์ ความปลอดภัยต่าง ๆ และการเพิ่มประสิทธิภาพมือถือ ทำการวิจัยคำหลัก และเขียนแท็กชื่อบนเว็บไซต์ของคุณใหม่โดยใช้ผลการวิจัยคำหลักของผู้ที่ให้บริการนี้นั่นเอง
บริการ SEO standard content marketing
สำหรับบริการ SEO ที่จัดทำขึ้นเพื่อ Standard content marketing หรือเพื่อ Content แบบมาตรฐาน ก็จะเริ่มต้นด้วยการวิจัยคำหลัก (Keywords Analysis) แบบคร่าว ๆ ให้กับธุรกิจนั้น ๆ โดยทั่วไปประกอบด้วยการค้นหา คำหลัก (Main Keyword) โดยใช้เครื่องมือออนไลน์ และอาจสร้างบทความประมาณ 4 บทความต่อเดือนที่มีคุณภาพโดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับคู่แข่งของเรา
บริการ SEO Thought Leadership Marketing
แคมเปญ SEO ที่เป็น “ผู้นำทางความคิด”(Thought Leadership Marketing) คือ แคมเปญที่เอเจนซี่ SEO จะทำการวิจัยคำหลักอย่างละเอียด โดยเน้นที่ความต้องการส่วนบุคคลของกลุ่มเป้าหมายและจุดบกพร่อง พฤติกรรม การทำธุรกรรมและความตั้งใจในการค้นหา และสร้างหน้าเนื้อหาคุณภาพสูงอย่างน้อย 8 หน้าต่อเดือน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้รับการจัดอันดับจาก Google ได้อย่างมีประสิทธภาพ
กรอบเวลา ROI ของ SEO ในการสร้างผลตอบแทน
ผล ROI ที่เป็นบวกในแคมเปญ SEO จะเกิดขึ้นในช่วง 6-12 เดือน โดยจะได้ผลลัพธ์สูงสุดในปีที่ 2 หรือ 3 ของแคมเปญ ซึ่งด้านล่างนี้จะเป็นลักษณะของแคมเปญ SEO ของธุรกิจเชิง B2B ในแง่ของรายได้รวมที่สร้างขึ้นทุก ๆ ปี
ทุกคนจะเห็นได้ว่าผล ROI ในรูปนี้เป็นผลมาจากคุณภาพของเนื้อหาหรือบทความที่ยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งแคมเปญ SEO ซึ่งนั่นหมายถึงว่าธุรกิจ B2B ที่ได้พูดถึงต้องเข้ารับบริการ SEO ที่มีการ Reserch คำหลักและจัดทำเนื้อหาอย่างมีคุณภาพอย่างต่อเนื่องนั่นเอง ฉะนั้น จึงหมายถึงนอกจากปัจจัยที่ว่าธุรกิจของเราเป็นธุรกิจประเภทใดแล้ว ก็ยังขึ้นอยู่กับธุรกิจของเราใช้บริการ SEO รูปแบบใดอีกด้วย
ยังไงก็ตาม จากที่ได้นำเสนอไปข้างต้นว่าบริการ SEO นั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไป โดยไม่ว่าบริการ SEO นั้น ๆ จะมีค่าบริการเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจาก ROI ที่เห็น บริการ SEO ถือเป็นการทำการตลาดที่น่าลงทุนอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะให้ ROI ได้แล้ว ก็ยังเป็นการสร้างธุรกิจและทำการตลาดในระยะยาวอีกด้วย