ทำความรู้จัก 9 รูปแบบในการทำ Marketing Report ที่สายการตลาดออนไลน์ควรรู้จัก
Marketing Report ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นส่วนใดก็ตาม ทั้ง การยิงโฆษณา การทำแคมเปญต่าง ๆ แลการทำ SEO ต่างต้องมีการทำ Report ทั้งสิ้น
เนื่องจาก Report เป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถรู้ถึงความคืบหน้าว่าในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์และแต่ละเดือนนั้น การทำการตลาดของเราได้ผลมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ อีกสิ่งที่สำคัญของ Marketing Report นั่นคือ การที่ทำให้นักการตลาดสามารถกำหนดแนวทางในอนาคตต่อไปได้อีกด้วย
ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จัก Marketing Report ทั้ง 9 รูปแบบกันว่ามีแบบไหนบ้างที่จำเป็นต่อนักการตลาด/นักทำ SEO
รายงานการตลาด (Report Marketing) คืออะไร?
รายงานการตลาดคือชุดของข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น โซเชียลมีเดีย, SEO, PR และอื่นๆ ทั้งนี้ ยังช่วยวัดว่าความพยายามทางการตลาดของคุณดำเนินการอย่างไรเทียบกับเป้าหมายและตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก (KPI) ซึ่งสามารถครอบคลุมช่วงเวลาต่างๆ ได้ นั่นคือ รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส และแม้กระทั่งรายปี
รูปแบบรายงานแบบทั่วไป (General Marketing Report)
ประกอบด้วย….
1.รายงานการตลาดแบบรายวัน (Daily Marketing Report)
รายงานรูปแบบชนิดรายวันมักถูกใช้สำหรับการรายงานผลกันแบบภายในองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มเอเจนซี่ ซึ่งจุดประสงค์ที่มักถูกใช้อีกอย่างนั่นคือดูความคืบหน้าของการทำงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ แบบ Day by Day เพื่อที่หากมีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขอย่างทันท่วงทีนั่นเอง
รายงานการตลาดรูปแบบรายวันจะช่วยให้เราทราบถึง :
- การทำงานของบัญชีเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียว่ามีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
- หากมีสิ่งใดที่ต้องถูก Follow up ในทันที ( เช่น การลดลงของการเข้าชมแบบออร์แกนิก, การกล่าวถึงโดยสื่อต่าง, การที่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการเพิ่มยอดเข้าชมมากขึ้นผิดปกติ ฯลฯ) การสามารถแก้ไขได้ในทันที
- โฆษณาบางตัวที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติหรือจำเป็นต้องได้รับการปรับเปลี่ยนคุณภาพและเสียง
เราจะสามารถหาข้อมูลของรายงานรูปแบบนี้ได้จาก:
- Google Alnalytic ใช้สำหรับการ monitor การเพิ่มขึ้นและลดลงของยอด Organic Traffic ( รวมถึง จำนวนผู้คลิกเข้าชมเว็บไซต์, รายละเอียดแหล่งที่มาของการเข้าชม และเมตริกพฤติกรรมผู้ใช้ ฯลฯ)
- Home GA report เป็นเครื่องมือสำหรับการสังเกต Active User แบบเรียลไทม์
ตัวอย่าง Tools สำหรับใช้ในการทำรายงานประเภทนี้:
2.รายงานการตลาดแบบรายสัปดาห์ (Weekly Marketing Report)
รายงานรายสัปดาห์ช่วยติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์ของกิจกรรมทางการตลาดระยะสั้นและระยะกลางของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น อาจใช้เวลาหลายวันในการรวบรวมสถิติประสิทธิภาพของบล็อกโพสต์ใหม่ แคมเปญ PPC ที่เพิ่งเปิดตัว หรือ การเช็คอีเมลล์ที่ถูกส่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้รายงานรายประจำสัปดาห์เช่นนี้ยังมีประโยชน์ในการทำให้ทีมการตลาดทราบถึงอัตราเป้าหมายในระยะเวลาดังกล่าวอีกด้วย
รายงานการตลาดรูปแบบรายสัปดาห์จะช่วยให้เราทราบถึง :
- ภาพโดยรวมของยอดเข้าชมเว็บไซต์: โดยรวมเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือไม่? ช่องทางการตลาดใดที่ทำงานได้ดีที่สุด? และมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างตั้งแต่สัปดาห์ก่อน?
- ผลของแคมเปญการตลาดล่าสุดที่ใช้
- ภาพรวมของเมตริกบนโซเชียลมีเดียที่สำคัญ (การมีส่วนร่วมและผู้ติดตาม)
- แผนปฏิบัติการสำหรับสัปดาห์ต่อๆ ไป
เราจะสามารถหาข้อมูลของรายงานรูปแบบนี้ได้จาก:
- Google Analytics — สำหรับการดูและวิเคราะห์เข้าชม
- Social Media Tracker — สำหรับการวิเคราะห์โซเชียลมีเดีย
3.รายงานการตลาดแบบรายเดือน (Monthly Marketing Report)
รายงานการตลาดแบบรายเดือนนั้น มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับองค์กรส่วนใหญ่
เนื่องจากข้อมูลมีสเกลขนาดใหญ่มากพอที่จะคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ และคุณสามารถดูแนวโน้ม (และการเปลี่ยนแปลงใดๆ) ในบริบทต่าง ๆ
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถดูผลกระทบของการริเริ่มทางการตลาดและโครงการระยะยาว เช่น SEO, PR และแคมเปญการตลาดเนื้อหา ทั้งนี้ รายงานแบบรายเดือนจะช่วยให้เราเข้าใจว่ากลยุทธ์ที่เราใช้มีผลต่อเมตริกการตลาดหลักอย่างไรบ้างอีกด้วย
รายงานการตลาดรูปแบบรายเดือนจะช่วยให้เราทราบถึง :
- เป็นเครื่องเตือนใจถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้
- การวิเคราะห์เว็บไซต์โดยรวม
- เป้าหมายที่สำเร็จ (การขาย การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ฯลฯ)
- ภาพรวมของประสิทธิภาพของช่องหรือแคมเปญ
เราจะสามารถหาข้อมูลของรายงานรูปแบบนี้ได้จาก:
- Google Analytics พร้อมกรอบเวลารายเดือน
- การวิเคราะห์โซเชียลมีเดียเพื่อติดตามการมีส่วนร่วมทางสังคมและผู้ติดตาม
- เครื่องมือ SEO
4.รายงานการวิเคราะห์คู่แข่งประจำเดือน (Monthly Competitor Analysis Report)
รายงานการวิเคราะห์คู่แข่งเป็นรายงานแยกต่างหาก (และมักจะถูกประเมินต่ำเกินไป)
สิ่งที่ดีเกี่ยวกับมัน? สามารถตอบคำถามสำคัญมากมายเกี่ยวกับผลลัพธ์ของคุณเอง
ตัวอย่างเช่น:
- เหตุใดคุณจึงสูญเสียอันดับสำหรับคำหลักหลายคำ
- เหตุใดต้นทุนต่อคลิก (CPC) สำหรับแคมเปญโฆษณาของคุณจึงเพิ่มขึ้น
- คุณควรลงโฆษณาที่ไหนต่อไป?
รายงานการวิเคราะห์คู่แข่งควรติดตาม :
- การเข้าชมเว็บไซต์และการมีส่วนร่วมของผู้เยี่ยมชม
- ประสิทธิภาพการค้นหาทั่วไป
- ประสิทธิภาพการสร้างลิงค์
- กลยุทธ์โฆษณาแบบชำระเงิน
- การตลาดเนื้อหาและประสิทธิภาพการประชาสัมพันธ์
- ประสิทธิภาพของโซเชียลมีเดีย
จะรับข้อมูลนี้ได้ที่ไหน :
- เครื่องมือเช่น Traffic Analytics เพื่อทำให้กระบวนการรวบรวมข้อมูลของคู่แข่งเป็นไปโดยอัตโนมัติ
รายงาน SEO (SEO Report)
รายงาน SEOคือที่ที่คุณสามารถแสดงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณในแง่ของเมตริก SEO ตัวอย่างเช่น การเข้าชมแบบออร์แกนิก ลิงก์ย้อนกลับ SEO ทางเทคนิค เป็นต้น
5.รายงาน SEO โดยรวม (Overall SEO Report)
รายงาน SEO โดยรวมจะสรุปประสิทธิภาพ SEO โดยรวมของคุณ ทุกอย่างเล็กน้อย
สามารถช่วยคุณตอบคำถามเช่น :
- การเข้าชมเว็บไซต์เปลี่ยนไปหรือไม่ อย่างไร?
- การเข้าชมแบบออร์แกนิกและการเข้าชมจากแหล่งที่มาอื่น ๆ ต่างกันอย่างไร?
- สัดส่วนของการเข้าชมที่มีแบรนด์เทียบกับที่ไม่มีแบรนด์เป็นเท่าใด
- คำหลักใดที่ดึงดูดผู้เข้าชมมากที่สุด
- อันดับออร์แกนิกดีขึ้นหรือลดลงหรือไม่?
- โปรไฟล์ลิงก์ย้อนกลับโดยรวมมีลักษณะอย่างไร
- มีปัญหาทางเทคนิคใด ๆ ที่คุกคามผลลัพธ์ SEO หรือไม่
จะรับข้อมูลนี้ได้ที่ไหน :
- Google Analytics สำหรับการเข้าชมทุก ๆ สิ่งของเว็บไซต์
- Google Search Console สำหรับเมตริกการเปิดเผยการค้นหาของ User และปัญหาทางเทคนิค
6.รายงาน Backlink (Backlink Report)
รายงานชนิดนี้เป็นรายงานเฉพาะสำหรับลิงก์ย้อนกลับ ซึ่งเป็นปัจจัยการจัดอันดับและเมตริกที่สำคัญสำหรับการวัดคุณภาพโดยรวมของเว็บไซต์
รายงานลิงก์ย้อนกลับจะช่วยให้คุณค้นหา :
- จำนวน Backlink และโดเมนที่อ้างอิง และจำนวนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
- สัดส่วนของลิงก์ ที่อาจส่งผลเสีย และ “ส่งผลดี” ไปยังเว็บไซต์ของคุณ
- จำนวนลิงก์ do follow เทียบกับลิงก์ no follow
- วิธีที่คุณดำเนินการกับคู่แข่งสำคัญของคุณ
จะรับข้อมูลนี้ได้ที่ไหน :
Google Search Console เพื่อติดตามจำนวนลิงก์ย้อนกลับ
Backlink Alnalytics เพื่อประเมินและเปรียบเทียบโปรไฟล์ลิงก์ในเชิงลึกได้อย่างรวดเร็ว
7.รายงานทางเทคนิค SEO (Technical SEO Report)
SEO ทางเทคนิคคือกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์เพื่อให้เครื่องมือค้นหาสามารถค้นหา รวบรวมข้อมูล และจัดทำหน้า index เว็บไซต์ของเราได้ และมีความสำคัญต่อความสำเร็จ SEO ของเว็บไซ์ เพราะ ปัญหาทางเทคนิคมากมายอาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพไซต์ของคุณ การค้นหาด้วยตนเองจะใช้เวลานานมาก
การสร้างรายงาน SEO ทางเทคนิคสามารถช่วยคุณได้ :
- ค้นหาปัญหาทางเทคนิค SEO ของไซต์ของคุณ
- จัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่จะแก้ไขตามความรุนแรงของปัญหา
- ติดตามความคืบหน้าของคุณและเปรียบเทียบการรวบรวมข้อมูล
จะรับข้อมูลนี้ได้ที่ไหน :
- Google Search Console ภายใต้ Core Web Vitals
- Site Audit เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ของปัญหาทั้งหมดรวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการแก้ไข
รายงานผลการทำงานทางสื่อโซเชียลมีเดียและประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ (Social Media and PR Reports)
เราทราบกันดีว่าสิ่งต่างๆ บนโซเชียลมีเดียเกิดขึ้นเร็วมาก
โพสต์ของเราสามารถเป็นไวรัลและดึงดูดผู้ติดตามและความคิดเห็นใหม่ๆ ได้หลายร้อยคนทั้งในแง่บวกและลบซึ่งหมายความว่าควรติดตามสื่อสังคมออนไลน์ทุกวัน บางครั้งแม้ในเวลาจริง
ดังที่กล่าวไว้ เราสามารถแยกแยะได้ว่ากลยุทธ์ทางสื่อโซเชียลของคุณประสบความสำเร็จหรือไม่โดยการดูภาพรวม
ซึ่งต่อไปนี้คือเมตริกและรายงานที่จะช่วยคุณดำเนินการดังกล่าว:
8.รายงานประสิทธิภาพโซเชียลมีเดีย (Social Media and PR Reports)
คุณต้องมีรายงานประสิทธิภาพของโซเชียลมีเดียหากต้องการทราบ :
- เกิดอะไรขึ้นกับฐานผู้ติดตามของคุณ? มันเพิ่มขึ้นหรือลดลง? ข้อมูลประชากรและความสนใจเปลี่ยนไปหรือไม่?
- แบรนด์ของคุณมีความเคลื่อนไหวมากน้อยเพียงใดบนโซเชียลมีเดียในช่วงเวลาที่กำหนด
- โพสต์ใดสร้างการมีส่วนร่วมมากที่สุด (และทำไม)
- วิธีที่คุณเอาชนะคู่แข่งรายสำคัญ
- จำนวน Conversion ที่คุณได้รับจากแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดีย
จะรับข้อมูลนี้ได้ที่ไหน :
- Social Media Tracker สำหรับการวิเคราะห์เต็มรูปแบบและคำแนะนำจากข้อมูล
- Google Analytics สำหรับการติดตามการเข้าชมการอ้างอิง
9. รายงานเกี่ยวกับชื่อเสียงของแบรนด์ (Brand Reputation Report)
รายงานเกี่ยวกับชื่อเสียงของแบรนด์ช่วยตอบคำถามต่อไปนี้ :
- การมองเห็นแบรนด์เพิ่มขึ้นหรือลดลงในช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือไม่?
- การกล่าวถึงใดมีส่วนทำให้แบรนด์มองเห็นได้มากที่สุดในแง่ของการเข้าชมจากการอ้างอิง การรับรู้ หรือการครอบคลุม
- ความรู้สึกโดยรวมเป็นอย่างไร? ดีขึ้นหรือไม่?
จะรับข้อมูลนี้ได้ที่ไหน :
- Media Monitoring เครื่องมือที่ใช้เป็นตัวติดตามผลงานช่องทางนี้โดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม รายงานที่ดีจะสื่อสารข้อมูลในรูปแบบที่อ่านง่ายและเข้าใจได้ง่ายและสามารถบอกเล่าเรื่องราวของข้อมูลนั้นในช่วงเวลาหนึ่งขอผลงานของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็จะขึ้นอยู่กับนักการตลาดทุก ๆ คนด้วยว่าจะใช้ Report และเครื่องมือต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับบริบทหรือไม่
เพราะต้องไม่ลืมว่า Report เหล่านี้ไม่ใช่เพียงไฟล์หรือเอกสารที่เรานำมาเพื่อตรวจสอบผลเท่านั้น แต่มันคืออาวุธชั้นดีที่จะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้อีกด้วย