PBN คืออะไร มีข้อดียังไง ทำยังไงถึงดัน SEO ได้อย่างเต็มที่

PBN  หรือ  “Private Blog Network” คือ ระบบของเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักการตลาดหรือนักทำ SEO เพื่อเพิ่มการเชื่อมโยงหรือ Backlink ไปยังเว็บไซต์หลักของพวกเขาเองเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หลักในการค้นหา แต่ปัจจุบันการทำ PBN ยังเป็นที่ถกเถียงว่าจำเป็นหรือไม่ บทความนี้จะมาให้คำตอบว่า PBN มีข้อดีอย่างไร แล้วทำยังไงถึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย

  • PBN คืออะไร?
  • ทำไมเราต้องทำPBN?

PBN คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับ SEO

PBN (Private Blog Network) คือ เครือข่ายบล็อกส่วนตัวที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์เพียงประการเดียว ได้แก่ การทำ Backlink ให้กับเว็บไซต์หลักของเราเอง ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการทำ Off-Page SEO ซึ่งจะช่วยกระตุ้นศักยภาพของเว็บไซต์หลักที่ถูกเชื่อมลิงก์มาได้ โดย PBN เป็นเทคนิคที่ให้ผลลัพธ์เท่ากับการทำ Backlink แบบที่มีเว็บไซต์ของคนอื่นลิงก์กลับมาหาเรา เพราะเมื่อเราสร้าง PBN ขึ้นมา ก็เท่ากับว่าเรามีเครือข่ายหรือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่สนับสนุนเนื้อหาบนเว็บไซต์หลักเป็นของตนเอง

จุดประสงค์ในการทำ PBN ในเว็บไซต์

จุดประสงค์หลักในการทำ PBN Private Blog Network คือ การทำอันดับให้เว็บไซต์หลักของเราให้ติดอันดับสูง ๆ บน Google โดยจะมีแนวทางคล้ายกับการทำ Backlink โดยเราจะรู้กันดีว่ารู้ดีว่ายิ่งเราได้ Backlink มาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง ก็จะได้คะแนน หรือความน่าเชื่อถือจาก Google มากขึ้นเท่านั้น 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ นักทำ SEO ส่วนใหญ่นิยมสร้าง หรือลงทุน ทำ PBN ขึ้นมาหลาย ๆ Domain นั่นเอง

ยังไงก็ตาม การทำ PBN แม้จะทำแบบมีคุณภาพแล้วก็ตาม แต่มันก็ถือว่าเป็นอีกเล่ห์กลหนึ่งในการเรียกอันดับจาก Google แบบทางลัด ซึ่งก็มีโอกาสที่จะถูก Google ลงโทษได้เช่นกันหากตรวจพบ นั่นคือข้อจำกัดที่เหล่านักทำ SEO ควรรู้เกี่ยวกับเทคนิคนี้

ข้อดีของ PBN SEO คือ อะไร?

เมื่อ Bot ของ Google เห็นการเชื่อมโยงลิงก์ต่าง ๆ ที่มาจากเว็บไซต์ PBN เหล่านั้น ซึ่งมีทั้งข้อมูล เนื้อหา ตลอดจนแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ก็จะส่งผลให้ได้รับคะแนนการจัดอันดับ SEO สูงขึ้นเพราะ Google มองว่า ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่เปิดมานานแล้วหรือเพิ่งเปิด มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน รวมถึงมีความน่าเชื่อถือ 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นักทำ SEO หรือเจ้าของเว็บไซต์หลาย ๆ คนนิยมนำเทคนิค PBN นี้มาใช้ เพื่อให้เว็บไซต์ของตนเองถูกจัดอันดับไวขึ้นกว่าการทำ SEO แบบ On page อย่างเดียว

PBN ช่วยให้เว็บของเราติดหน้าแรกบน Google ได้จริงหรือ?

Bill Hartzer นักการตลาดออนไลน์ชื่อดัง ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำ PBN ขึ้นมาและได้ระบุว่า เขาพบเว็บไซต์หนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจจาก Google เป็นพิเศษและได้รับการจัดอันดับ Keyword จำนวน 45,000 คำ ใน 100 อันดับแรกด้วยการทำ PBN ด้วย Keyword จำนวน 1,000 คำจาก 45,000 ที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หนึ่งที่ชื่อว่า Semrush

ดังนั้น Bill Hartzer จึงได้ทำการเปรียบเทียบกันระหว่าง 2 เว็บไซต์โดยด้านซ้ายจะเป็นภาพจาก Majestic และด้านขวาคือรูปจาก Semrush เพื่อดูข้อแตกต่างของการทำ PBN ของทั้ง 2 เว็บไซต์ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ซึ่งจากที่กล่าวไปว่าเทคนิค PBN คือการเชื่อมโยงลิงก์ต่าง ๆ ที่มาจากเว็บไซต์พีบีเอ็นที่ถูกสร้างขึ้น ซึ่งจากภาพหากมองง่าย ๆ คือตัวเว็บไซต์หลักจะอยู่ตรงกลางและที่แตกแขนงออกมาจะเป็น เว็บไซต์ PBN ที่ผู้ดูแลเว็บไซต์สร้างขึ้นนั่นเอง

ซึ่งส่วนใหญ่ Bill Hartzer จะพุ่งเป้ามาที่ Majestic เป็นส่วนใหญ่ โดยเขาได้ทำการชี้แจงในรูปของ Majestic  เกี่ยวกับโครงสร้างลิงก์ต่าง ๆ ที่มี 2 จุดถูกเชื่อมต่อกันด้วยลิงก์ ๆ หนึ่งที่อาจเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ PBN ที่ Google ตรวจพบและลงโทษไป 

และต่อมาก็ได้ชี้ให้เราเห็นอีกว่า ลิงก์ที่เขาคิดว่าเป็นลิงก์ลิงก์หนึ่งที่เชื่อมกับ เว็บไซต์ PBN ที่โดนทำโทษนั้นไม่ได้มีเพียงลิงก์เดียวอย่างที่คิด แต่มันมีกว่า 10 ลิงก์ด้วยกันที่ถูกเชื่อมต่อกันอยู่ โดยเราสามารถเห็นได้จากวงกลมสีแดงตามจุดต่าง ๆ ที่กระจุกกันอยู่

โดยจากการเปรียบเทียบที่เกิดขึ้นที่ Bill Hartzer พบว่าการทำ PBN ของ Semrush ที่สามารถทำให้ Keyword จำนวน 1,000 จาก 45,000 คำที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกนั้นมีความแตกต่างอย่างไรกับการทำ  PBN ของ Majestic แต่ผลปรากฏว่า ดูเหมือนโครงสร้างในการทำ PBN จะมีข้อผิดพลาด โดยนอกจากจะมีเว็บไซต์พีบีเอ็นที่ถูก Google ทำโทษแล้ว ก็ดูเหมือนจะมีการทำลิงก์ส่งออกซ้ำ ลิงก์ย้อนกลับซ้ำกันในทุกเน็ตเวิร์คเข้าไปหน้าเว็บเดียวกันเยอะ ๆ อีกด้วย ซึ่งถือเป็นข้อควรระวังเป็นอย่างมากในการทำ  PBN

อย่างไรก็ตาม หลังจาก Bill Hartzer ได้ทำการทวีตข้อคิดเห็นดังกล่าว ก็ได้มีการถกเถียงกันใต้คอมเมนต์มากมาย เกี่ยวกับเทคนิค PBN จาก 2 เว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งบ้างก็ว่ารูปโครงสร้างที่ Bill Hartzer นำมาเปรียบเทียบนั้นอาจไม่ใช่ PBN แต่เป็น Internal Link แบบทั่วไปก็ได้ และบ้างก็ว่า การทำ PBN ไม่ได้ช่วยให้ได้รับการจัดอันดับจาก Google ได้ดีขนาดนั้น ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้

สิ่งที่ชัดเจนอย่างแน่ชัดก็คือ Bill Hartzer ได้ชี้แจงไว้อย่างชัดเจนว่า ข้อแตกต่างของ 2 เว็บไซต์ที่เห็นได้ในการทำ PBN นั้น คือ Semrush มีระบบและโครงสร้างข้อมูลที่เป็นระเบียบและค่อนข้าง Clean ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหากการทำ PBN ของ Semrush จะได้ผลที่มีประสิทธิภาพมากกว่าหากเทียบกับ  Majestic นั่นจึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำไปอีกว่าไม่ว่าจะเลือกทำ  PBN แบบใด จะทั้งแบบมีคุณภาพ (สายขาว) หรือ ไม่มีคุณภาพ (สายดำ) สิ่งสำคัญคือการวางระบบที่ดี มีการจัดวางโฮสของแต่ละเว็บแยก Location กันอย่างชัดเจนไว้ก่อนก็จะไม่ทำให้การทำ PBN ของเราเสียเปล่าอย่างแน่นอน

(อยากให้เว็บปัง ต้องรู้จักกลยุทธ์การทำ SEO สำหรับธุรกิจที่จะทำให้คุณเป็นมือโปร ต้องอ่าน)

สรุป

ท้ายที่สุดไม่ว่า PBN จะสามารถช่วยให้ Keyword ของเว็บไซต์ของเราให้ติดอันดับได้อย่างจำนวนมหาศาลหรือไม่ แต่การทำ PBN มาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรกลับมาเลย หากคุณทำผิดเงื่อนไข หรือผิดกฎของ Google การสร้าง PBN อย่างไม่เป็นธรรมชาติและผิดเงื่อนไขของอัลกอริทึม Google ที่สร้างมาเพื่อประโยชน์แท้จริงแก่ผู้ใช้งาน ถ้าคุณเห็นว่ากำลังทำผิดอยู่ ไม่อยากโดนลงโทษ ลดอันดับคุณภาพเว็บไซต์ ก็สามารถปรับแต่งเว็บให้มีคุณภาพได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

PBN SEO มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

– ความเสี่ยงต่อนโยบายของ Google: การใช้ PBN อาจละเมิดนโยบายการค้นหาของ Google และสามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณโดนลบหรือถูกลดคะแนน
– การบริหารจัดการที่ซับซ้อน: การสร้างและบริหารจัดการ PBN ต้องใช้เวลาและความสนใจในรายละเอียด
– การดูแลรักษา: PBN ต้องดูแลและอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อให้คงความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

Similar Posts