10 โปรแกรมหา Keyword ฟรี อัปเดตปี 2024 เว็บหา Keyword ที่ดีที่สุด
การทำ SEO ติดหน้าแรก ปัจจัยที่สำคัญคือ การหา Keyword เนื่องจากการหา Keyword ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ช่วยดึงดูดให้ผู้ใช้คลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น การใช้โปรแกรมหา Keyword ฟรี หรือ เว็บหา Keyword จะช่วยให้การเขียนบทความ SEO ดีขึ้น ในบทความนี้จะแนะนำ 10 โปรแกรมหา Keyword ฟรี อัปเดตปี 2024 เว็บหา Keyword ที่ดีที่สุด ให้ทุกคนเลือกนำไปใช้ได้เลย
โปรแกรมหาคีย์เวิร์ด ใช้ทำอะไร สำคัญอย่างไร
โปรแกรมหาคีย์เวิร์ด หรือ Keyword Research Tool เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราค้นหาคำหลัก (keyword) หรือ คีย์เวิร์ด ค้นหามากที่สุด ที่ผู้คนนิยมใช้ค้นหาบน Google หรือ Search Engine อื่น ๆ โปรแกรมเหล่านี้มีประโยชน์มากสำหรับ
- การทำ SEO (Search Engine Optimization) ช่วยให้เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมสำหรับเว็บไซต์ บทความ ทำให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้น
- การทำ Content Marketing ช่วยให้เขียนเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้คน
- การทำโฆษณา ช่วยให้เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมสำหรับการโฆษณา
ความสำคัญของโปรแกรมหาคีย์เวิร์ด คือ
- ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค
- โปรแกรมเหล่านี้แสดงข้อมูลว่าผู้คนใช้คีย์เวิร์ดอะไรในการค้นหา ช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของผู้ใช้ได้
- ช่วยให้สร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพ
- เมื่อเราเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม เนื้อหาของเราก็จะมีโอกาสปรากฏบนหน้าผลการค้นหา (SERP) มากขึ้น
- ช่วยให้ประหยัดเวลาและเงิน
- ช่วยให้เราค้นหาคีย์เวิร์ดได้อย่างรวดเร็ว บางโปรแกรมสามารถใช้ฟรี
สิ่งที่ต้องเข้าใจ ก่อนหา Keyword
1. เป้าหมายของการหา Keyword
- ต้องการเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์
- ต้องการเพิ่มยอดขาย
- ต้องการสร้างแบรนด์
- ต้องการสร้าง Awareness
2. กลุ่มเป้าหมาย
- เพศ
- อายุ
- ความสนใจ
- พฤติกรรมการค้นหา
3. ประเภทของ Keyword
- Short-tail keyword: คีย์เวิร์ดสั้น ๆ 2-3 คำ เช่น “รองเท้า”
- Long-tail keyword: คีย์เวิร์ดยาว 4 คำขึ้นไป เช่น “รองเท้าวิ่งผู้หญิงไซส์ 38”
4. เครื่องมือหา Keyword
- Google Keyword Planner
- Ahrefs
- SEMrush
- Keywordtool.io
- Ubersuggest
5. วิเคราะห์ Keyword
- ปริมาณการค้นหา (Search Volume)
- ระดับการแข่งขัน (Competition)
- ค่า Cost Per Click (CPC)
- Trend ของ keyword
6. เลือก Keyword ที่เหมาะสม
- เลือก keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
- เลือก keyword ที่มีปริมาณการค้นหาสูง
- เลือก keyword ที่มีระดับการแข่งขันต่ำ
- เลือก keyword ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
10 โปรแกรมหา Keyword ฟรี อัปเดตปี 2024
1. Google Keyword Planner
เครื่องมือจาก Google ที่ช่วยให้คุณค้นหา Keyword วิเคราะห์ปริมาณการค้นหา และดูแนวโน้มของ Keyword เพื่อช่วยในการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสำหรับแคมเปญ ฟังก์ชันหลักของ Google Keyword Planner ได้แก่ ค้นหาคีย์เวิร์ดใหม่ๆ สามารถป้อนคำหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และ Keyword Planner จะแนะนำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง วิธีหา Keyword ดูปริมาณการค้นหาโดยเฉลี่ยต่อเดือนสำหรับคีย์เวิร์ดที่เลือก ซึ่งช่วยให้ประมาณการจำนวนคนที่ค้นหาคีย์เวิร์ดเหล่านั้นทุกเดือน ประเมินระดับการแข่งขันสำหรับแต่ละคีย์เวิร์ด ซึ่งบ่งบอกว่าโฆษณาจะแข่งขันกับโฆษณาอื่น ๆ เพื่อแสดงผลสำหรับคีย์เวิร์ดนั้นมากน้อยเพียงใด ใช้เพื่อประมาณการจำนวนคลิก ค่าใช้จ่ายของแคมเปญโฆษณา
ข้อจำกัดของ Keyword Planner คือ ข้อมูลปริมาณการค้นหาเป็นเพียงการประมาณการ และแม้ว่า Google Keyword Planner จะใช้งานได้ฟรี แต่ต้องมีบัญชี Google Ads เพื่อเข้าถึงเครื่องมือนี้
Tip : เทคนิคใช้ Google Keyword Planner ให้คุ้ม
2. Ubersuggest
Ubersuggest คือ เครื่องมือวิเคราะห์ Keyword tool ไทย และ SEO ฟรี พัฒนาโดย Neil Patel ฟีเจอร์หลักของ Ubersuggest ได้แก่ ค้นหาคีย์เวิร์ด วิเคราะห์ความยากในการจัดอันดับ ตรวจสอบอันดับคีย์เวิร์ดของคุณ ติดตามประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ด ตรวจสอบเว็บไซต์ SEO ค้นหาลิงก์ที่เสียหาย วิเคราะห์ Backlink
Ubersuggest ช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์ SEO วิเคราะห์เว็บไซต์ของลูกค้า มีให้ใช้งานทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน โดยเวอร์ชันฟรี มีฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด การวิเคราะห์เว็บไซต์ และการติดตามอันดับ เวอร์ชันเสียเงินของ Ubersuggest มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การวิเคราะห์คู่แข่งขั้นสูง การติดตามอันดับแบบละเอียดขึ้น
3. Keywordtool.io
Keywordtool.io คือ เว็บหา Keyword ฟรี ที่ช่วยให้คุณค้นหาไอเดียคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ มีจุดเด่นคือ ใช้งานง่าย เพียงพิมพ์คีย์เวิร์ดที่ต้องการลงในช่องค้นหา เครื่องมือจะแสดงรายการคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง คำถามที่พบบ่อย และตัวเลือกเพิ่มเติม เหมาะสำหรับการหาคีย์เวิร์ดยาว (Long-tail Keyword) ซึ่งมีการค้นหาน้อยแต่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ใช้งานได้ฟรีโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก
4. Ahrefs
Ahrefs คือ เครื่องมือ SEO ครบวงจรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน มีฟีเจอร์มากมายสำหรับ SEO ครบทุกด้าน เช่น Backlink Analysis วิเคราะห์แบ็คลิงก์ของเว็บไซต์คุณและคู่แข่ง ตรวจสอบคุณภาพและความน่าเชื่อถือของลิงก์ Keyword Research ค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีศักยภาพ วิเคราะห์ปริมาณการค้นหา คู่แข่ง และโอกาสในการติดอันดับ Competitor Analysis วิเคราะห์กลยุทธ์ SEO ของคู่แข่ง ค้นหาจุดแข็ง จุดอ่อน และโอกาสในการแซงหน้า
จุดเด่นของ Ahrefs มีฐานข้อมูล Backlink และ Keyword ที่ใหญ่ที่สุดในโลก: Ahrefs มีฐานข้อมูล Backlink มากกว่า 33 ล้านล้านลิงก์ และ Keyword มากกว่า 12 พันล้านคีย์เวิร์ด ช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างละเอียดและแม่นยำ มีฟีเจอร์ครบทุกด้านสำหรับ SEO ช่วยให้คุณทำงาน SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. Semrush
Semrush เป็นแพลตฟอร์มแบบ All-in-one ที่ช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกทั้งฝั่งของตัวเองและคู่แข่ง โดยมีฟีเจอร์เด็ดๆครอบคลุม 5 ด้านหลัก คือ วิเคราะห์ SEO ของเว็บไซต์ เช่น ค้นหาคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง วิเคราะห์ Backlink ตรวจสอบ Traffic Sources และอื่นๆ อีกมากมาย วิเคราะห์แคมเปญโฆษณา PPC ของคู่แข่ง เช่น ค้นหาว่าคู่แข่งใช้คีย์เวิร์ดอะไร งบประมาณเท่าไหร่ โฆษณาแบบไหนที่มีประสิทธิภาพ จัดการโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ตั้งเวลาโพสต์ วิเคราะห์ประสิทธิภาพของโพสต์ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง ค้นหาหัวข้อคอนเทนต์ที่น่าสนใจ วิเคราะห์ประสิทธิภาพของบทความและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทางการตลาด เช่น แนวโน้มของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค สามารถใช้งานได้ทั้งฟรีและเสียเงิน
6. Google Search Console
Google Search Console (GSC) เป็นเว็บหา Keyword ฟรี ที่ช่วยให้เว็บไซต์ปรากฏในผลการค้นหาของ Google ช่วยวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการค้นหาของ Google เช่น ลิงก์เสีย ปัญหาเกี่ยวกับมือถือ หรือหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ สามารถดูคำที่ผู้คนใช้เพื่อค้นหาเว็บไซต์ ดูว่าหน้าใดที่แสดงผลในผลการค้นหา และดูว่าคลิกไปที่เว็บไซต์บ่อยแค่ไหน โดยใช้ข้อมูลที่ GSC ให้มาสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ติดอันดับสูงกว่าในผลการค้นหาของ Google
7. Google Trends
Google Trends ใช้สำหรับสำรวจเทรนด์การค้นหา ของผู้คนบนโลกออนไลน์ ดูความนิยมของคำค้นหา คีย์เวิร์ดที่สนใจ แล้วดูว่าความนิยมในการค้นหาคำนั้นๆ เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาอย่างไร Google Trends จะเปรียบเทียบความนิยมของคำค้นหาหลายคำ เพื่อดูว่าอันไหนที่คนสนใจค้นมากกว่ากัน ซึ่งมีส่วนในการใช้ศึกษาความสนใจของลูกค้า เพื่อวางแผนการตลาด คิดคอนเทนต์ หรือวิเคราะห์เทรนด์ เพื่อสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่ตรงจุด
8. Moz SEO
Moz SEO คือชุดเครื่องมือ SEO ออนไลน์ที่ช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลและเจ้าของเว็บไซต์วิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ของตน
ฟีเจอร์หลักของ Moz คือ ค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาสูงและความยากในการจัดอันดับ ตรวจสอบอันดับคีย์เวิร์ด ติดตามประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ด ตรวจสอบเว็บไซต์สำหรับปัญหา SEO ระบุจุดอ่อนทางเทคนิค ค้นหาลิงก์ที่เสียหาย ค้นหาและสร้างลิงก์คุณภาพสูง วิเคราะห์โปรไฟล์ลิงก์ติดตาม backlink
Moz SEO ช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ติดตามอันดับคีย์เวิร์ด สร้างลิงก์คุณภาพสูง และวัดผลลัพธ์ SEO ช่วยปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์และระบุปัญหา SEO แก้ไขข้อผิดพลาด ทำให้ SEO ทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น วิเคราะห์เว็บไซต์ของลูกค้า ค้นหาลิงก์คุณภาพสูง และสร้างรายงาน SEO ที่ปรับแต่งได้
Moz SEO มีให้ใช้งานทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน โดยเวอร์ชันเสียเงินของ Moz SEO มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การวิเคราะห์ลิงก์ขั้นสูง การติดตามอันดับแบบละเอียด และการสร้างรายงานที่ปรับแต่งได้
9. Wordtracker Scout
Wordtracker Scout เป็นส่วนขยายเบราว์เซอร์ ของ Google Chrome ที่ช่วยในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดจากหน้าเว็บ เพียงแค่คุณเปิดเว็บเพจใดๆ Wordtracker Scout จะดึงข้อมูลคำหลักที่สำคัญและวลีที่เกี่ยวข้องออกมา พร้อมแสดงเป็นเวิร์ดคลาวด์ สามารถปรับแต่งเวิร์ดคลาวด์เพื่อดูเฉพาะคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องมากที่สุดกับเนื้อหาของหน้าเว็บ โดยแสดงข้อมูลเบื้องต้นของแต่ละคีย์เวิร์ด เช่น ปริมาณการค้นหา Wordtracker Scout เป็นส่วนขยายของ Chrome จึง ใช้ได้เฉพาะกับเบราว์เซอร์ Google Chromeเท่านั้น
10. KWFinder
KWFinder เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ด (keyword) ที่ช่วยให้ค้นหาคำที่ผู้คนใช้ค้นหาบน Google หรือจาก URL ของเว็บไซต์ โดยแสดงข้อมูลคีย์เวิร์ด เช่น ปริมาณการค้นหา ความยากของคีย์เวิร์ด หรือ การแข่งขัน เปรียบเทียบคีย์เวิร์ดหลายคำ เพื่อดูว่าคำไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด สามารถค้นหาคีย์เวิร์ดแบบ Long-tail ที่มีการแข่งขันน้อย แต่มีโอกาสขึ้นอันดับใน Google สูง รองรับการค้นหาคีย์เวิร์ดภาษาไทย สามารถทดลองใช้ฟรีก่อนได้
เลือกโปรแกรมหา Keyword ตัวไหนดี
การเลือกโปรแกรมหา Keyword ที่ดีที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ประเภทธุรกิจ กลยุทธ์ SEO และ เป้าหมายในการค้นหา ดังที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า โปรแกรมหา Keyword มีหลากหลายมาก ทั้งใช้ฟรีและเสียเงิน แต่ละโปรแกรมก็มีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป หากต้องการเลือกใช้ทั้งหมดคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากอาจทำให้ใช้เวลาในการทำ SEO นานขึ้น ดังนั้น การใช้บริการ SEO Agency ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี
Funnel เรามีทีมที่ชำนาญด้านบทความ โปรแกรมหา Keyword และเครื่องมือ SEO ที่พร้อมจะมีช่วยสร้าง Traffic ให้เว็บไซต์ สำหรับการเขียนบทความออนไลน์ เราไม่ได้เน้นเพียงแค่การทำบทความ SEO เท่านั้น แต่เรายังต้องการเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจผ่านหน้าบทความ