Search คืออะไร? Search Engine คืออะไร ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างไร
Search เป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และความบันเทิงต่างๆได้ง่ายขึ้น ในยุคดิจิทัลที่ผู้คนใช้ชีวิตออนไลน์เป็นหลัก Search Engine กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ธุรกิจต่างๆ ไม่ควรมองข้าม เพราะ Search Engine นั้นสามารถตอบโจทย์ การทำ SEO ให้ธุรกิจในปัจจุบันได้ ทั้งการสร้าง Traffic และการทำการตลาดออนไลน์ ดังนั้นจะดีกว่าไหม ถ้าคุณเข้าใจเกี่ยวกับ Search คืออะไร? แล้วสามารถใช้ Search Engine เพื่อช่วยธุรกิจออนไลน์ของคุณ
Search Engine คืออะไร?
Search แปลว่า “การค้นหา” Search คือ กระบวนการที่ใช้เพื่อค้นหาข้อมูลในบริบททั่วไป มักหมายถึง การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เครื่องมือค้นหา เช่น Google Search
Search Engine หรือ เสิร์ชเอนจิน หมายถึง โปรแกรม หรือ เครื่องมือ ที่ใช้สำหรับ ค้นหาข้อมูล บนอินเทอร์เน็ต โดยจะแสดงผลลัพธ์เป็นเว็บไซต์ รูปภาพ วิดีโอ แผนที่ หรือ ข้อมูลอื่นๆ ตามคำค้นหา หรือ Keyword ของผู้ใช้งาน ในหน้าการค้นหาของ Google Yahoo, Bing หรืออื่นๆ
Search Engines ทำหน้าที่อะไร
Search Engine ทำหน้าที่หลักๆ คือ ค้นหาข้อมูล ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการค้นหา (เรียกว่า “คีย์เวิร์ด”) ลงในช่องค้นหา Search Engine จะรวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ รูปภาพ วิดีโอ แผนที่ หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดนั้นๆ แสดงผลลัพธ์ให้ผู้ใช้เลือก Search Engine ใช้อัลกอริทึม ที่ซับซ้อนในการจัดอันดับผลลัพธ์การค้นหา เป้าหมายคือแสดงผลลัพธ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด น่าสนใจ และมีประโยชน์ต่อผู้ใช้มากที่สุด โดยใช้โปรแกรมที่เรียกว่า เว็บครอว์เลอร์ (Web Crawlers) ไต่ไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เก็บข้อมูลเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ รวบรวมข้อมูลลงในฐานข้อมูล เมื่อผู้ใช้ค้นหาข้อมูล Search Engine จะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด แสดงผลลัพธ์ให้ผู้ใช้เลือก
Search Engine ทำงานอย่างไร?
Search Engine หรือ เสิร์ชเอนจิน เปรียบเสมือนบรรณารักษ์ขนาดใหญ่ในโลกอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ โดยอาศัยระบบอัลกอริทึมที่ซับซ้อน ทำงานหลักๆ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. รวบรวมข้อมูล (Crawling)
เริ่มต้นด้วย Web Crawler หรือ Spider โปรแกรมเสมือนแมงมุมที่ถูกส่งออกไปยังเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อค้นหาหน้าเว็บใหม่ Crawler จะอ่านเนื้อหา เก็บรวบรวมข้อมูล เช่น หัวข้อ เนื้อหา ลิงก์ รูปภาพ ข้อมูลที่รวบรวมจะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของ Search Engine
2. จัดทำดัชนี (Indexing)
ข้อมูลที่รวบรวมมาจะถูกวิเคราะห์ แยกแยะ ประมวลผล ระบบจะทำความเข้าใจเนื้อหา ค้นหาคำสำคัญ จัดหมวดหมู่ ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการนี้จะถูกเก็บไว้ในดัชนี เปรียบเสมือนสารบัญขนาดใหญ่ ช่วยให้ค้นหาข้อมูลได้รวดเร็ว
3. จัดอันดับผลลัพธ์ (Ranking)
เมื่อผู้ใช้ป้อนคำค้นหา ระบบจะค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากดัชนี อัลกอริทึมที่ซับซ้อนจะวิเคราะห์ จัดอันดับผลลัพธ์ ปัจจัยต่างๆ ที่ใช้พิจารณา เช่น ความเกี่ยวข้องของเนื้อหา ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ พฤติกรรมผู้ใช้ ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด จะปรากฏบนหน้าแรก
Search Engine มีอะไรบ้าง แบ่งได้กี่ประเภท?
Search Engine หรือ เครื่องมือค้นหาข้อมูล แบ่งออกได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับวิธีการทำงาน แหล่งข้อมูล และประเภทของข้อมูล
1. ประเภทตามวิธีการทำงาน
- Crawler Based Search Engine เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทำงานโดยใช้ซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า “Web Crawler” หรือ “แมงมุม” ไต่ไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เก็บข้อมูลเนื้อหาและจัดทำดัชนี เช่น Google, Yahoo, Bing, Baidu
- Meta Search Engine ทำงานโดยรวบรวมผลลัพธ์จาก Search Engine หลายๆ ตัวมาแสดงผลรวมกัน ตัวอย่างเช่น DuckDuckGo, Dogpile, Ixquick
- Vertical Search Engine: มุ่งเน้นไปที่เนื้อหาเฉพาะประเภท เช่น ข่าว รูปภาพ วิดีโอ สินค้า เช่น Google Scholar, YouTube, Amazon
2. ประเภทตามแหล่งข้อมูล
- Web Search Engine: ค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ทั่วไป ตัวอย่างเช่น Google, Yahoo, Bing
- Intranet Search Engine: ค้นหาข้อมูลภายในองค์กร
- Desktop Search Engine: ค้นหาไฟล์ เอกสาร รูปภาพ บนคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
3. ประเภทตามประเภทของข้อมูล
- Web Page Search Engine: ค้นหาหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา
- Image Search Engine: ค้นหารูปภาพ
- Video Search Engine: ค้นหาคลิปวิดีโอ
- News Search Engine: ค้นหาข่าวสาร
- Academic Search Engine: ค้นหาเอกสารวิชาการ
- Shopping Search Engine: ค้นหาสินค้า
ประโยชน์ของ search engine คืออะไร การใช้ Search Engine ตอบโจทย์การทำธุรกิจในปัจจุบันอย่างไร?
1. ช่วยให้ลูกค้าค้นพบธุรกิจของคุณได้
เมื่อลูกค้าต้องการค้นหาสินค้าหรือบริการ พวกเขาจะใช้ Search Engine เป็นเครื่องมือหลักในการค้นหา หากธุรกิจมีเว็บไซต์และทำ Search Engine Optimization (SEO) ที่ดี เว็บไซต์จะมีโอกาสปรากฏบนหน้าผลการค้นหาที่สูงขึ้น ทำให้ลูกค้าค้นพบธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น
2. เพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
Search Engine ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น โดยไม่ต้องจำกัดพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกสามารถค้นพบธุรกิจของคุณได้ เพียงแค่พวกเขาค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ
3. ช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า
Search Engine ช่วยให้คุณวิเคราะห์พฤติกรรมการค้นหาของลูกค้า โดยดูว่าพวกเขากำลังค้นหาอะไร คำค้นหายอดนิยม และคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับกลยุทธ์ทางการตลาด พัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และสร้างเนื้อหาที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
4. เพิ่มยอดขาย
เมื่อลูกค้าค้นพบธุรกิจของคุณบน Search Engine และคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณ โอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของคุณก็มีสูงขึ้น
5. ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์
การมีเว็บไซต์และปรากฏบนหน้าผลการค้นหาที่สูงๆ ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ให้กับธุรกิจของคุณ ลูกค้าจะเริ่มจดจำชื่อแบรนด์ โลโก้ และสินค้าหรือบริการของคุณ
6. ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
การใช้ Search Engine เป็นการตลาดแบบออนไลน์ที่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการตลาดแบบดั้งเดิม ธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัดก็สามารถใช้ Search Engine
เพื่อโปรโมตธุรกิจของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. ช่วยให้วัดผลได้
Search Engine ช่วยให้สามารถวัดผลลัพธ์ของกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณได้อย่างแม่นยำ สามารถติดตามจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ยอดคลิกโฆษณา และยอดขายที่เกิดขึ้นจาก Search Engine ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
8. ช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้
ในปัจจุบัน ธุรกิจส่วนใหญ่มีเว็บไซต์และใช้ Search Engine เพื่อโปรโมตธุรกิจของตัวเอง หากธุรกิจไม่ใช้ Search Engine อาจทำให้ธุรกิจเสียเปรียบคู่แข่งได้
Search Engine กับการทำการตลาดออนไลน์
Search Engine มีบทบาทสำคัญต่อการทำการตลาดออนไลน์ คือ ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาสินค้าและบริการ เมื่อผู้ใช้ค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เว็บไซต์ของคุณจะปรากฏบนหน้าผลลัพธ์การค้นหา (SERP) ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้จะคลิกเข้าดูเว็บไซต์ ช่วยให้สามารถกำหนดเป้าหมายโฆษณาไปยังกลุ่มผู้ใช้ที่สนใจสินค้าหรือบริการโดยใช้ Search Engine ช่วยวัดผลลัพธ์ ติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดออนไลน์
กลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ที่ใช้ Search Engine มีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- Search Engine Optimization (SEO)
เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ติดอันดับสูงสุดบนหน้าผลลัพธ์การค้นหาแบบออร์แกนิก SEO ช่วยให้เว็บไซต์ปรากฏบน SERP โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา
- Search Engine Marketing (SEM)
เป็นการซื้อโฆษณาบน Search Engine เพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏบน SERP SEM ช่วยให้เว็บไซต์ปรากฏบน SERP ได้รวดเร็วกว่า SEO แต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
เนื่องจาก Google Search Engine ช่วยให้เข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากทั่วโลก ถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้าง กำหนดเป้าหมายโฆษณา วัดผลลัพธ์ และสร้าง ROI สูง ดังนั้น การให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ของ Search Engine จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
Funnel เราเชี่ยวชาญการทำการตลาดออนไลน์ การทำ SEO/SEM ด้วยการใช้กลยุทธ์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตเพื่อโปรโมทสินค้า บริการ หรือแบรนด์ของคุณให้มีลูกค้าที่ตรงเป้าหมายและสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็ว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Search คืออะไร
Search Engines ทำหน้าที่อะไร
– จัดลำดับผลการค้นหา: Search Engine วิเคราะห์ความเกี่ยวข้อง ประโยชน์ และความน่าเชื่อถือของข้อมูล ก่อนจัดลำดับผลการค้นหาให้อยู่ในอันดับที่เหมาะสม ช่วยให้ผู้ใช้ค้นพบข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
– แสดงผลลัพธ์: นำเสนอผลการค้นหาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย สะดวกต่อการใช้งาน โดยแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น หัวข้อ เนื้อหา ลิงก์ รูปภาพ วิดีโอ
เว็บเสิร์ชเอนจิน (Search Engine) มีอะไรบ้าง
1. Google เป็นเสิร์ชเอนจินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ครอบคลุมข้อมูลจำนวนมหาศาล มีอัลกอริทึมที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพ แสดงผลลัพธ์การค้นหาที่ตรงกับความต้องการผู้ใช้
2. Bing เป็นเสิร์ชเอนจินจาก Microsoft รองลงมาจาก Google มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การค้นหาด้วยรูปภาพ แผนที่ วิดีโอ
3. Yahoo เคยเป็นเสิร์ชเอนจินยอดนิยมในอดีต ปัจจุบันยังคงมีผู้ใช้งานอยู่ มีจุดเด่นที่บริการอีเมลและข่าวสาร
4. DuckDuckGo เน้นความเป็นส่วนตัว ไม่ติดตามข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาข้อมูลโดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
Search ใช้ยังไง
1. ระบุคำค้นหาที่ชัดเจน เลือกใช้คำหลักที่สื่อความหมายตรงประเด็น หลีกเลี่ยงคำศัพท์ทั่วไป หรือประโยคที่ยาวเกินไป
2. ใช้ตัวกรองการค้นหา เว็บเสิร์ชเอนจินมักมีตัวกรองการค้นหาให้ผู้ใช้เลือก เช่น ประเภทของไฟล์ ช่วงเวลา แหล่งที่มา ภาษา ขนาด ฯลฯ ช่วยให้ค้นหาข้อมูลได้ตรงประเด็นมากขึ้น
3. เปรียบเทียบผลลัพธ์ อย่าเชื่อผลการค้นหาเพียงแหล่งเดียว ควรเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง เพื่อความน่าเชื่อถือ อ่านรีวิว ประเมินความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ตรวจสอบวันที่เผยแพร่ ผู้เขียน และเนื้อหา ก่อนตัดสินใจใช้ข้อมูล
4. อัปเดตความรู้ ติดตามข่าวสาร เทคโนโลยี และวิธีการใช้ Search Engine ใหม่อยู่เสมอ เพื่อประสิทธิภาพการค้นหาที่ดีขึ้น